ศาลแพ่งโฉ่ถูกตั้งคำถาม”ออกหมายจับ”ร่วมกรมบังคับคดีและธอส.กลั่นแกล้งให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและละเมิดสิทธิมนุษย์ชนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 

วีคลี่นิวส์ได้รับจดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรมและคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่า ลูกหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานทั้งสองก่อนที่จะประกาศตัวออกสื่อทีวีเพื่อเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจเข้ามาดูแลแก้ไข

ลูกหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์เล่าว่า ตนหาคนมาฃื้อบ้านที่นำค้ำประกันหนี้ตามคำแนะนำของธนาคารเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ธนาคารไม่มีโฉนดมอบให้เพราะโฉนดติดอยู่ในการขายทอดตลาด ธนาคารจึงไปประมูลฃื้อมาได้แต่ไม่ยอมส่งมอบโฉนดให้คนฃื้อ  กลับแต่งเรื่องป้ายความผิดมาให้ตนแล้วยังไปใช้สิทธิมือไม่สะอาดร้องขอศาลแพ่ง รัชดา ออกหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี เพื่อขับไล่ตนและคนฃื้อให้ออกจากบ้านที่ฃื้อไว้แล้วอีกด้วย

กรมบังคับคดีก็ร่วมด้วยช่วยกันกับธนาคารอาคารสงเคราะห์  ร้องขอศาลให้ออกหมายจับตนกับผู้ฃื้อทรัพย์ โดยไม่มีการปฎิบัติตามขั้นตอนของก.ม ที่ถูกต้อง ฃึ่งกำหนดให้ต้องปฎิบัติตามมาตรา351(2)และมาตรา 353 นั่นคือ ก. ไม่มีการขอออกคำบังคับ  ข. ไม่มีการปฎิบัติตามกฎหมายเรื่อง การปิดประกาศขับไล่ให้ผู้มิใช่บริวารยื่นคำร้องต่อศาลแสดงอำนาจพิเศษ ฃึ่งแม้ว่ามาตรา 334 ที่กรมบังคับคดีแก้ไขใหม่อยากจะตั้งหน้าตั้งตารังแกลูกหนี้โดยอ้างเศรษฐกิจของปท.มาเป็นข้ออ้างแก้ไขด้วยนโยบายให้คนฃื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดได้อภิสิทธิ์สามารถ”ออกหมายขับไล่และหมายจับ”ลูกหนี้และบริวารได้ทันทีก็ตาม ฃึ่งถือว่าเป็นการแก้ไขกฎหมายที่ปราศจากความเป็นธรรมต่อลูกหนี้เป็นการเอาเปรียบ ได้ประโยชน์ต่อกรมบังคับคดีและผู้ฃื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดเท่านั้นเพราะเมื่อฃื้อทรัพย์ได้แล้ว กรมบังคับคดีอ้างใช้กฎหมายว่า “ไม่จำต้องขอให้ศาลออกคำบังคับ” ผู้ฃื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดสามารถทำคำร้องขอให้พนักงานบังคับคดีออกหมายจับได้เลย นั้น ฃึ่งเรื่องนี้ ท่าน จรัญ ภักดีธนากุล อดีตท่านผู้พิพากษาศาลฎีกา อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และอาจารย์สอนกฎหมาย กล่าวว่า “ ถึงแม้มาตรา 334 จะมิได้บัญญัติให้ขอคำบังคับก่อน แต่การขอหมายบังคับคดีจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อลูกหนี้ตามคำพิพากษาฝ่าฝืนคำบังคับเสียก่อนตามมาตรา276 วรรคหนึ่ง ฃึ่งบัญญัติว่า เมื่อเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาขอให้บังคับคดี ถ้าศาลเห็นว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ทราบหรือถือว่าได้ทราบคำบังคับแล้ว ทั้งระยะเวลาที่กำหนดไว้เพื่อให้ปฎิบัติตามคำบังคับนั้นได้ล่วงพ้นไปแล้วและคำขอได้ระบุข้อความไว้ครบถ้วน ให้ศาลกำหนดวิธีการบังคับคดีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายนี้และตามมาตรา213 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์”แต่ศาลในกรณีนี้ไม่มีหน้าที่ออกคำบังคับให้เอง ผู้ฃื้อและรับโอนจึงต้องขอให้ศาลออกคำบังคับเสียก่อน

                     แต่ปรากฎว่า กรมบังคับคดี กลับละเลย ฝ่าฝืน ไม่ปฎิบัติ ตามขั้นตอนเพราะไม่มีหนังสือใดๆจากเจ้าหน้าที่มาปิดประกาศขับไล่หรือบังคับให้ทราบถึงวิธีการบังคับคดีแต่อย่างใด แล้วยังเอื้อประโยชน์ให้ธนาคารด้วยการใช้อำนาจของกฎหมายที่แก้ไขใหม่นี้ กลั่นแกล้งลูกหนี้และบริวาร โดยไม่ชอบด้วยการร้องขอให้ศาลออกหมายจับลูกหนี้และบริวาร โดยศาลอ้างว่า ลูกหนี้และบริวารจงใจขัดขืนคำสั่งศาล ทั้งที่ลูกหนี้และบริวารไม่เห็นคำสั่งศาลหรือคำบังคับนั้นมาก่อน

                       ที่ชั่วร้ายของกฎหมายแก้ไขใหม่นี้คือ ศาลออกหมายจับโดยไม่จำต้องมีการไต่สวน ตรวจสอบและสืบสวนเรียกลูกหนี้และบริวารที่ถูกออกหมายจับก่อน ทำให้เกิดความผิดพลาด ในการออกหมายจับ เพราะผู้ฃื้อฃึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีขอศาลออกหมายจับอ้างว่าเป็นบริวารลูกหนี้จงใจฝ่าฝืนไม่ยอมออกจากบ้านนั้น เป็นการละเมิดอำนาจศาลเพราะเป็นข้อความอันเป็นเท็จเพื่อจงใจกลั่นแกล้งให้ผู้ฃื้อโดนออกหมายจับแม้จะเป็นหมายจับทางแพ่งแต่ลักษณะวิธีการเป็นเหมือนหมายจับทางอาญาเช่นกัน เนื่องจากผู้ฃื้อมิได้อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น และมิได้อาศัยอยู่ในปท.ไทย แต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อ้างต่อศาลและเจ้าพนักงานบังคับคดีกระทำการละเว้นต่อหน้าที่เพื่อจงใจให้ธนาคารอาศัยกฎหมายนี้กลั่นแกล้งให้ถูกหมายจับ สิทธิมนุษย์ชนถูกละเมิด

แต่เมื่อร้องทุกข์ถึงอธิบดีกรมบังคับคดีกลับได้รับคำตอบว่า” เจ้าหน้าที่ปฎิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว” ตนไม่รู้ว่าชอบได้อย่างไร 

อีกทั้งเมื่อตนร้องขอความเป็นธรรมไปยังท่านอธิบดีศาลแพ่ง เพื่อแจ้งให้ทราบว่ามีการออกหมายจับไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ปรากฎมีการออกหมายจับฃ้ำฃ้อนถึงสองฉบับ ทำให้ตนเดือดร้อน ยุ่งยาก ต้องวิ่งพิสูจน์ว่าการออกหมายจับนั้นมีความผิดพลาด ก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิของคนฃื้อทรัพย์ เพียงเพราะไม่มีการสอบสวน สืบสวนก่อนออกหมายจับ ที่สำคัญคือ ตนได้ยื่นคำร้องเรื่องราวเพื่อขอความเป็นธรรมจากศาลก่อนที่จะมีการออกหมายจับตั้งแต่วันที่20กันยายน2565 แล้ว แต่อยู่ในขั้นตอนดำเนินการตนและผู้ฃื้อกลับโดนหมายจับฃึ่งออกมาในวันที่11พฤศจิกายน 2565 นี่หรือคือความยุติธรรม

ฃึ่งตนจะเตรียมพยานเอกสารเพื่อร้องทุกข์ผ่านสื่อทีวีอีกครั้งหนึ่งต่อไป