ด่วน! อัยการสูงสุดชี้ สำนวนปปช.ไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดี “รัชฎา” อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ และพวก ทุจริตเรียกรับเงินได้

รายงานข่าวจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานป.ป.ช. ได้รับหนังสือจากสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า สำนวนคดี ป.ป.ช ที่ชี้มูลนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และพวกรวม 8 คนกรณีเรียกรับเงินสินบนโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด จำนวน 98,000 บาท ที่นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษรแจ้งความจับกุมนั้น อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่า สำนวนของ ป.ป.ช.มีข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ไต่สวนให้ปรากฏว่า

1. การกระทำของนายรัชฎา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1ในคดีนี้ ไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 128 ประกอบมาตรา 169 ตามที่คณะ กก.ป.ป.ช มีมติชี้มูลเนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เรียกรับโดยมิชอบ มิใช่ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากการให้โดยเสน่หา ตามเจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าว

          2. การกระทำของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (ฐานเรียกรับสินบน) และพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 173 ตามที่คณะกก.ป.ป.ช มีมติชี้มูล แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และการที่ผู้กล่าวหา นำเงินไปมอบให้นายรัชฎา ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในวันที่ 27 ธ.ค65 ในคราวเดียว การกระทำความผิดของนายรัชฎาในคดีนี้จึงเป็นในความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148,157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา 172 เพียงกรรมเดียว

           3. การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ถึงที่ 8 (ผู้ถูกกล่าวอ้างเป็นเจ้าของเงินของกลาง) ในคดีนี้ไม่เป็นความผิดตามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 (ฐานให้สินบน) ประกอบมาตรา 91 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2561 มาตรา176 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ตามที่คณะกก.ป.ป.ช มีมติชี้มูล


รายงานข่าวกล่าวต่อว่า เมื่อความเห็นระหว่างอัยการสูงสุดและ ป.ป.ช ต่างกัน เช่นนี้ จึงต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายขึ้นมาเพื่อพิจารณาไต่สวนข้อไม่สมบูรณ์ร่วมกันต่อไป ซึ่งถ้าหากไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ อัยการสูงสุดจะสั่งคืนสำนวนทั้งหมดให้ ปปช. เพื่อให้ ปปช.พิจารณาว่าจะยื่นฟ้องร้องคดีนี้ต่อไปเองหรือไม่

          นอกจากคดีนี้แล้ว ในส่วนซองเงินอื่นๆ ที่เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุมได้ตรวจยึดไว้ในห้องทำงานของนายรัชฎาทาง ป.ป.ช.ได้ไต่สวนแยกสำนวนนายรัชฎากับพวกรวม 12 คน ออกไปอีกหนึ่งคดี และมีมติชี้มูล แต่อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนแล้วแจ้งข้อไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีได้ซึ่งมีลักษณะคล้ายคดีนี้เช่นกัน

รายงานข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า จากสาเหตุที่นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร แจ้งความร้องทุกข์นาย รัชฎา จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นจับกุมนี้เอง ทำให้ นาย รัชฎา ตัดสินใจยื่นฟ้องผู้กล่าวหาคือนาย ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ไว้ต่อศาลอาญา ในข้อหาแจ้งความเท็จและเบิกความเท็จซึ่งศาลอาญาสั่งคดีมีมูลแล้ว โดยในวันอังคารหน้าจะเริ่มมีการสืบพยานแล้ว ส่วนฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายผิดก็คงต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน นอกจากนี้นายรัชฎายังได้ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้เข้าตรวจค้นจับกุมไว้ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เกี่ยวกับการตรวจค้นจับกุมไม่ชอบ ไม่มีหมายค้นไม่มีหมายจับ ไม่เป็นการจับที่เป็นความผิดซึ่งหน้า และความผิดเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล โดยปัจจุบันคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์เช่นกัน อย่างไรก็ตามคดีการฟ้องร้องนี้ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้