ถึงแม้ว่าจะพูดอภิธรรมไปเพียงเท่าไรก็ไม่เกิดความจริงขึ้นมาได้

ทำไมถึงไม่เกิดความจริง
เพราะว่าไปรู้แต่เงินในกระเป๋าคนอื่น
เงินในกระเป๋าคนอื่นนั่นนาย ก มีเงินพันล้าน นาง ข มีเงินหมื่นล้าน อย่างนี้
นาย ก มีเงินพันล้าน นาง ข มีเงินหมื่นล้านจริง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่มี มี
นาย ก ก็มี นาง ข ก็มี แต่ว่าเงินทั้งหลายเหล่านั้นเป็นของเขา ไม่ใช่ของเรา
แล้วเรามีสิทธิ์มั้ย ซักสตางค์แดงเดียวก็ไม่มีสิทธิ์ ไปขอเขาก็ไม่ให้ อย่างนี้

การที่เราจะไปคิดว่าอันนี้เป็นวิปัสสนา อันนี้ไม่ใช่ตัวตน
คิดแล้วจะเป็นวิปัสสนา ไม่เป็น
จำเป็นต้องสร้างพลังจิตให้เพียงพอ

ถ้าหากว่าสร้างพลังจิตไม่เพียงพอแล้ว ทำยังไง ยังไงก็ไม่สำเร็จ

เพราะว่าพลังจิตนี้เราเปรียบเหมือนเงิน
เรามีเงินเยอะซะอย่างน่ะ แล้วเราก็สามารถจะซื้อบ้านก็ได้ ซื้อรถก็ได้ เพียงแค่เซ็นกระดาษแผ่นเดียวเท่านั้น แล้วก็สามารถซื้อได้ทั้งรถ ซื้อได้ทั้งบ้าน
เพราะอะไร
เพราะว่าเรามีเงินอยู่ในธนาคารแล้ว

ทีนี้ถ้าเราไม่มีเงินก็เปรียบเหมือนกับคนไม่มีพลังจิต ถึงจะคิดวิปัสสนาไปเท่าไรก็ไม่สำเร็จเป็นวิปัสสนา
ดีไม่ดีกลายเป็นวิปัสสนูปกิเลสไป
วิปัสสนาจริงแต่ว่ากลายเป็นกิเลส มันก็เลยเข้ารูปเก่า ไปไหนก็ไปไม่ได้ ตกลงก็อยู่ที่เดิม
จะคิดไปใหญ่โตแค่ไหนก็คิดไปเถอะ แต่ว่าก็มาอยู่ที่เดิมนั่นแหละถ้าหากว่าไม่สร้างพลังจิต

ทำสมาธินี่ ทำเพื่ออะไร
เพื่อจะให้เกิดพลังจิต

พลังจิตมีไว้ทำไม
มีไว้ควบคุมจิต

ควบคุมจิตทำไม
ก็เพื่อที่จะทำให้เป็นคุณธรรมให้เกิดขึ้น

คุณธรรมนั้นคืออะไร
ก็คือหนทางแห่งพระอริยเจ้า

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๓.๐๗