รู้ให้ทันเวทนา3…ดีอย่างไร
มีพราหมณ์คนหนึ่งชื่อทีฆนขะ ต้องการอยากจะฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้า ก็ได้ไปทูลอาราธนา
ในขณะนั้นพระสารีบุตรนั่งอยู่ข้างหลัง
พระพุทธเจ้าก็แสดงเวทนา ๓ แก่ทีฆนขะ แทนที่ทีฆนขะจะได้สำเร็จ เป็นพระสารีบุตรได้สำเร็จ
ที่พระสารีบุตรได้สำเร็จนั้นน่ะ พระพุทธเจ้าแสดงว่าคนเราทั้งหมดนี่เรียกว่าพอเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ไม่มีอะไร มีเวทนาอยู่ ๓ เวทนาเท่านั้นคือ สุข ทุกข์ และอุเบกขา
ไม่มีใครจะวิเศษวิโสสักเท่าไร
ใครจะมียศถาบรรดาศักดิ์สักเท่าไร ใครจะยากจน ยาจก วนิพก สักเท่าไร เวทนา ๓ ทั้งนั้น
ประเดี๋ยวเขาก็สุข ประเดี๋ยวเขาก็ทุกข์ ประเดี๋ยวพอนอนหลับไปอุเบกขาไปได้หน่อยนึง ลุกขึ้นมาเอาใหม่ มีเวทนาอยู่ มีความเสวย
ถ้าหากว่าไม่เสวยเวทนาเมื่อไหร่ก็ถือว่าตาย
พอตายแล้วแทนที่เวทนา ๓ นี้จะลดถอยลงไป เวทนา ๓ นี้กลับตามวิญญาณไปอีก ไปถึงไหนเวทนา ๓ ก็จะตามไปด้วย
เมื่อตามไปแล้ววิญญาณนั้นก็จะได้รับความทุกข์บ้าง ได้รับความสุขบ้าง หรือได้ไม่ต้องสุขไม่ต้องทุกข์ก็เป็นอุเบกขาได้ ไปไหนก็จะต้องนำเอาเวทนา ๓ นี้ไปด้วย
ทีนี้พระอรหันต์ที่ท่านได้สำเร็จไปแล้วมีเวทนา ๓ หรือเปล่า
ก็มีเวทนา ๓ เหมือนกันกับเราธรรมดาโดยทั่วไปนี่แหละ แต่ท่านไม่ยึดถือทั้งนั้น
เวทนาถึงจะเกิดเท่าไหร่ก็ไม่ยึดถือว่าเป็นตัวเป็นคนเป็นบุคคลเป็นเราเป็นเขา อย่างนี้เป็นต้น
ทำไมพระพุทธเจ้าแสดงธรรมะตื้น ๆ แล้วก็ทำให้พระสารีบุตรได้สำเร็จ
มันไม่ใช่ธรรมะตื้น เป็นธรรมะลึก เป็นอุบายวิธีของพระอรหันต์
ทีนี้เมื่อเวทนาติดตามเราไปแล้วนี่เราจะทำยังไงกับเวทนา
ท่านก็ให้รู้เท่านั้น อย่าไปหลงกับเวทนา
สุขก็ให้รู้เท่า ทุกข์ก็ให้รู้เท่า อุเบกขาก็ให้รู้เท่า
คือเราแก้ไขไม่ได้ แต่ว่าให้รู้เท่าว่าอย่าหลงระเริงมากเกินไป อย่าทุกข์เดือดร้อนมากเกินไป
ยากจนข้นแค้นก็ทุกข์กัน ร่ำรวยเศรษฐีก็เป็นสุขกัน อย่างนี้ แล้วก็มีค่าเท่ากันด้
เมื่อเป็นเช่นนั้นอุปาทานที่พระสารีบุตรมีอยู่ก็ถูกละทิ้งออกไปกลายเป็นพระอรหันต์
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก หน้าที่ ๑๐
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๓.๐๖
ใส่ความเห็น