เรื่องจิตใจนั้นเป็นเรื่องที่ตามกันไม่ได้
แต่ถ้าหากว่าผู้ที่บำเพ็ญสมาธิมีพลังจิตมากแล้วสามารถที่จะตามจิตใจคนได้

เพราะว่าใจคนเรานี้เปรียบเหมือนกันกับสถานีโทรทัศน์

สถานีใหญ่สามารถส่งไปได้ทั่วโลก สถานีเล็กก็ส่งไปได้เฉพาะประเทศ ยิ่งเล็กลงไปก็ส่งไปได้เฉพาะจังหวัด

เวลาที่ส่งไปนั้นน่ะเรามองไม่เห็น
เวลาที่ส่งไปนี่ทั้งรูปทั้งเสียงนี่ไม่เห็นหรอก แต่ว่ามี แต่ถ้าใครหากว่ามีจอโทรทัศน์แล้วก็มีเครื่องพร้อมเขาก็เปิดรับ ภาพก็เข้าไป
อย่างนี้เข้าไปมันไปจากไหน ไปจากอากาศนี่เอง แต่ว่าด้วยพลัง ด้วยพลังของกระแสไฟฟ้า
ด้วยพลังของสถานีโทรทัศน์เขาก็ส่งภาพไปได้
ไม่เฉพาะสถานีโทรทัศน์ เวลานี้คอมพิวเตอร์อะไรต่าง ๆ ก็ส่งออนไลน์กันได้หมดแล้ว

อันนี้มันไปยังไงนี่ มันไปตามอากาศ
เพราะฉะนั้นในอากาศมันมีทั้งรูปมีทั้งเสียง

ถ้าใครมีมอนิเตอร์ตั้งรับก็รู้ว่าใครจะคิดยังไง แล้วใครจะคิดว่าดีบ้าง ชั่วบ้าง หรือว่าคิดการณ์ไกลอะไรต่าง ๆ มันก็คิดได้น่ะ แล้วคนที่จับก็จับได้คือมีกระแสจิต
มีกระแสเหมือนกับเครื่องรับโทรทัศน์
เมื่อมีกลไกของมันเพียบพร้อมแล้วมันก็สามารถจะรับความนึกคิดของคนอื่นได้ เอาแต่ว่าจะเปิดรับช่องไหนก็เท่านั้น

เพราะฉะนั้นการทำสมาธิสร้างพลังจิตจึงมีคุณภาพ จึงมีคุณสมบัติเยอะมาก

เราทำสมาธิแต่ก่อนเราคิดว่าเราทำสมาธิเอาเพื่อความสุข แต่แท้ที่จริงแล้วนั่นน่ะทำสมาธิเพื่อเอาพลังจิต

เพราะว่าพลังจิตนี่ใช่ได้ร้อยแปด แบบเดียวกับกระแสไฟฟ้า
กระแสไฟฟ้าเมื่อมีการผลิตไฟฟ้าขึ้นมาได้แล้วนี่ ไฟฟ้าก็สามารถไปเป็นโทรศัพท์ วิทยุ โทรทัศน์ แล้วก็ไปเป็นคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ท อะไรไปจากกระแสของไฟฟ้าทั้งนั้น

เช่นเดียวกันกับกระแสจิตที่เราได้พากันสะสมเอาไว้นี่ต่อไปก็จะเป็นผลให้แก่เราไม่วันใดก็วันหนึ่ง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก หน้าที่ ๒๕
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๓.๐๘