พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อัตตะโน โจตะยัตตานัง”
ตนนี่แหละจะเป็นผู้ที่เตือนตนได้ดีกว่าคนอื่นเขามาเตือนเรา

เพราะว่าตัวของเรานั้นจะเห็นตัวของเราอยู่ทุกย่างก้าว
คนอื่นนั้นเขาจะมาเห็นเราก็นาน ๆ ครั้ง

เพราะฉะนั้นการเตือนตนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ทีนี้ตัวเตือนตัวนี้เราจะไปหาได้ที่ไหน
หาได้ หาได้ทางสมาธิ
เพราะอะไร

เพราะว่าการทำสมาธินั้นจุดมุ่งหมายคือการสร้างพลังจิต
เมื่อจิตของเราฟุ้งซ่านมีอารมณ์มากมายล้นเหลือ นั่นเรียกว่าจิตไม่เป็นสมาธิ
แต่ถ้าหากว่ามาบริกรรมพุทโธคำเดียว จิตอารมณ์ที่ล้นเหลือ เหลืออยู่หนึ่ง มันก็ใกล้ต่อความสงบแล้ว
เมื่อเราบริกรรมมากเข้าจิตของเราก็เป็นหนึ่ง ก็แสดงว่าจิตสงบ
พอจิตสงบแล้วจิตก็เป็นสมาธิ พอจิตเป็นสมาธิจิตก็ผลิตพลังจิต การผลิตพลังจิตนั้นก็เป็นอัตโนมัติ

เหมือนกันกับเราปลูกต้นไม้ มีหน้าที่ใส่ปุ๋ยรดน้ำ ต้นไม้มันก็จะงอกขึ้นไปเป็นอัตโนมัติ
เหมือนกันกับคนที่ทำสมาธิผลิตพลังจิต

เมื่อผลิตพลังจิต ผลิตไปแล้วพลังนั้นก็จะเติบโตขึ้น
ความเติบโตของพลังจิตนั้นเป็นอัตโนมัติเช่นเดียวกันกับต้นไม้ที่เราปลูก
เมื่อมันโตขึ้นมา โตขึ้นมา พลังจิตนั้นก็จะกลายเป็นตัวเตือน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Warning
Warning แปลว่าตัวเตือน ตัวเตือนตัวนี้เป็นตัวเตือนที่เรียกว่ามีคุณค่ามหาศาล

วิกฤตชีวิตของคนเรานั้นอาจเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เราจะตัดสินใจวิกฤตการณ์ของชีวิตตรงนั้นได้อย่างไร
ถ้าเราไม่มีตัวเตือนเราก็ตัดสินใจผิด เราก็จะต้องมีความเดือดร้อนไปตลอดชีวิต
แต่ถ้าเราตัดสินใจถูกเราก็มีความสุขตลอดชีวิต

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๔๐๘
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๓.๐๓