เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นง่ายนิดเดียว การไปเกิดเป็นมนุษย์นี่ต้องเป็นมนุสสธรรมถึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้
การเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก
การที่เราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็มีชีวิตมาถึงวันนี้ก็ยาก
มีชีวิตมาถึงวันนี้จะได้ฟังธรรมก็ยาก
สิ่งเหล่านี้เรียกว่าสิ่งยาก ยากนัก
เพราะว่าการไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานนั้นง่ายนิดเดียว
การไปเกิดเป็นมนุษย์นี่ต้องเป็นมนุสสธรรมถึงจะเกิดมาเป็นมนุษย์ได้
พวกเราทั้งหลายที่เราผ่านชีวิตมาจนกระทั่งถึงวันนี้นั้นถือว่าเป็นโชค
เมื่อเป็นโชคแล้วนี่เราจำเป็นที่จะต้องรับโชคของเรา
คำว่ารับโชคของเรานั้นเราก็จะได้พิจารณาดูตัวของเราว่าการที่เราได้เกิดมาได้ยากอย่างนี้ สมมุติว่าถ้าเราได้ไปเกิดอีกชาติหนึ่งนี่ไม่พบพระพุทธศาสนา แล้วก็เรียกว่าว่างเปล่า
อยากจะทำบุญทำทาน อยากจะสมาธิภาวนา อยากตะทำอะไรก็ทำไม่ได้เพราะว่าไม่รู้เรื่อง
อันนั้นเขาเรียกว่าเสียชาติเกิดเปล่า
แต่เวลานี้เรามีพร้อม ศีลก็มี สมาธิก็มี ปัญญาก็มี
ทานก็มี ศีลก็มี ภาวนาก็มี ชั่วแต่ว่าเราจะทำหรือไม่
สิ่งที่จะให้เราทำนั้นเราสามารถทำได้
อย่างน้อยที่สุดเวลาก่อนจะนอนเราก็สมาทานศีล ๕ ซะ
ตั้งแต่เรานอนจนกระทั่งถึงเราตื่นนี่เราไม่ได้ไปทำผิดอะไร เราก็สมาทานศีล ๕ เราก็ได้แล้วศีล ๕
หรือเราอยากจะภาวนาเราไม่มีปัญญาจะภาวนาอะไรมากนัก เราก็นึกพุทโธเท่าอายุของเรา
หรือนึกพุทโธจนกว่าจะหลับ
พุทโธองค์หนึ่ง พุทโธองค์หนึ่ง ก็เป็นกุศล ไม่ใช่เรานึกเปล่า ๆ เรานึกแล้วจิตเราก็เป็นสมาธิ
นอกจากเป็นสมาธิเราก็ได้บุญได้กุศลไปด้วย อย่างนี้
นี่ถือว่าเราได้เอาโชค โชคที่มีอยู่ในชีวิตของเรานี่เอามาให้เป็นประโยชน์ ดีกว่าเรานอนหลับไปเปล่า ๆ
หรือว่าดีกว่าเรามีชีวิตอยู่วันหนึ่งไปเปล่า ๆ โดยที่เราไม่ได้อะไร
บางคนคิดว่าเราต้องมีเงินทองมีข้าวมีของ ทุกสิ่งทุกอย่างถึงจะเป็นบุญเป็นกุศล มันไม่ใช่อย่างนั้นเพียงอย่างเดียว
บุญกุศลสามารถทำได้ในหลายทาง แล้วก็ ภาวนามัย บุญสำเร็จได้ด้วยการภาวนา
ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
ถ้าหากว่าเรามีสติปัญญา และเรารู้ว่าชีวิตของคนเรานี่มันเป็นชีวิตที่หาค่าไม่ได้
ถ้าหากสมมุติว่าเราพลาดพลั้งไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานซะ เรามีโอกาสจะไปนึกพุทโธได้ยังไง จะไปจำศีลได้ยังไง จะไปทำบุญทำทานอะไร ได้ยังไง มันไม่ได้ทั้งนั้น เขาเรียกว่าอบายภูมิ เป็นภูมิที่มีความเสื่อมที่สุดที่เราไม่ควรจะไปที่นั่น
เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องหาทางปิดหนทางมันเสีย ปิดหนทางโดยที่ว่าเราไม่ประมาท
เรานอนหลับลงไปนี่เราจะตื่นมั้ย บางทีเราอาจจะหลับไปเลย ตายไปเลยก็ได้ อย่างนี้ก็มี เยอะไปอย่างนี้
เพราะฉะนั้นก่อนนอนนี่เราทำซะให้สะอาด คือหมายความว่าจากนี้ไปถึงวันพรุ่งนี้นี่เรามีศีล
สมาทานศีล “อิมานิ ปัญจะ สิกขาปะทานิ สมาธิยามิ” ว่าเท่านี้ แล้วเราก็นอนหลับไป
เราก็ได้ศีล ๕ ไปตลอดคืน ถึงแม้ว่าเราจะสิ้นลมไปในเวลานั้นเราก็ไม่ต้องไปอบายแล้ว อย่างนี้เป็นต้น
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๔๑๑
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๓.๐๔
ใส่ความเห็น