จิตนิยมใครกล้าลงทุน..
เวลานี้ความเจริญของโลกคือเขาเรียกว่า Materialism มันเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาไทยเรียกว่าวัตถุนิยม
แล้วจะมีอีกอันหนึ่งเขาเรียกว่า Mentalism มันเป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ภาษาไทยคือจิตนิยม
Material คือวัตถุนิยมนั้นเจริญมามากถึงขั้นคอมพิวเตอร์แล้ว
Mentalism คือทางด้านจิตใจนี่ยังเจริญไม่ทัน
เมื่อเจริญไม่ทันแล้วนี่ความเจริญระหว่างวัตถุนิยมกับจิตนิยมมันจึงไม่บาลานซ์กัน มันต่ำสูงกว่ากัน
เมื่อต่ำสูงกว่ากันแล้วทีนี้มันก็เป็นเหตุ เหมือนกันกับเรือนี่มันตะแคงมันจะล่ม มันไปไม่รอด
ถ้าหากมันไปเสมอ ๆ แล้วมันจะรอด
ถ้ามันไม่เสมอมันจะคว่ำ
เพราะฉะนั้นในโลกนี้จิตนิยมคนยังลงทุนกันน้อยมาก
วัตถุนิยมเช่นโทรทัศน์ วิทยุ โทรศัพท์ เครื่องติดต่ออะไรต่าง ๆ วัตถุนิยมทั้งนั้น ไม่รู้ที่เขาลงทุนกันกี่หมื่นกี่แสนล้านนับไม่ถ้วน
แต่ว่าจิตนิยมคือทางด้านจิตใจนี่คนยังไม่มีใครกล้าลงทุน แล้วก็ไม่ลงทุนด้วย
แล้วทีนี้ก็เป็นไปตามบุญตามกรรมของจิตนิยม ทำถูกกันบ้าง ทำผิดกันบ้าง ก็แล้วแต่ มันก็เลยไม่บาลานซ์กัน
เมื่อทั้ง ๒ อย่างไม่บาลานซ์กันนี่มันเกิดเหตุคือความขัดแย้ง
เพราะมนุษย์ที่เกิดขึ้นมานี่มันมีหลายพันล้านคน แล้วก็ต่างคนต่างมีหัวใจ ต่างคนต่างมีอิสระ
เมื่ออิสระเกิดขึ้นแล้วความคิดมันก็ไม่เหมือนกัน
เมื่อความคิดมันไม่เหมือนกันแล้วทีนี้มันก็เกิดความขัดแย้ง
เมื่อเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นมันก็เกิดการวิวาท
เมื่อเกิดการวิวาทมันก็เกิดสงคราม
เมื่อเกิดสงครามมันก็เกิด เขาเรียกว่า Terrible มันเกิดความสยดสยองอะไรต่าง ๆ เกิดขึ้น
อันนี้เพราะว่าวัตถุนิยมกับจิตนิยมนี่มันไม่บาลานซ์กัน
เมื่อใครมีทุนมีรอน หรือมีวาสนาบารมี หรือใครมีเงินทองข้าวของมาก มาลงทุนในการสร้างจิตนิยมนี่ให้มันทันกับวัตถุนิยม แล้วมันจะบาลานซ์กัน
เมื่อบาลานซ์กันแล้วนี่ ความเห็นต่าง ๆ มันขัดแย้งกันก็จริง แต่สามารถลดระดับลงมาได้เพราะว่าจิตนี้เป็นตัวการ
เพราะเหตุนั้น “มัชฌิมา ปฏิปทา” การปฏิบัติหนทางกลางจึงเป็นหนทางที่สามารถทำโลกให้สงบได้ด้วย แล้วสามารถทำให้คนถึงนิพพานได้ด้วย ”
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๙๘
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๓.๐๑
ใส่ความเห็น