แด่ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี วิทูรัช ศรีนาม

แม้ท่านจะไม่ผิดแต่ท่านก็พลาด ความรับผิดชอบของท่านด้วยการลาออกจึงเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เหมาะสม

นาย วิทูรัช ศรีนาม ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี มาหลายปีแล้ว เป็นผู้ว่าฯตีนติดดิน แก้ปัญหาจังหวัดได้ดีกว่าคนอื่นที่มาอยู่จันทบุรี เพื่อรอปลดเกษียณ

จันทบุรี เป็นเมืองที่มีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งเป็นเมืองวัฒนธรรมที่มีอายุยาวนาน แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนเช่นเชียงใหม่ อาจจะเป็นเพราะ ประวัติศาสตร์เป็นเมืองที่ฝรั่งเข้ามาจับขังเชลย เก็บฃากไว้เป็นเพียงภาพถ่ายพร้อมสถานที่ที่รักษาไว้เหมือนตึกร้างที่ไม่ได้รับการจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเอกลักษณ์ให้ปรากฎ เพราะสถานที่ถูกล้อมด้วยตึกแถว จึงดูแปลกๆที่สถานที่ทางประวัติศาสตร์ไปแทรกอยู่ตรงนั้น

ทั้งที่เป็นเมืองที่สำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ชาติไทย สมัยพระเจ้าตากเดินทัพ แม้จะมีการจัดท่องเที่ยวเดินตามรอยพระเจ้าตาก แต่ก็ได้เพียงไม่กี่ครั้ง

เพราะไม่มีหน่วยงานรัฐสนับสนุนจริงจัง และ เอาจริง
เนื่องจากหน่วยงานเอกชนก็ไม่เอาจริงเช่นกัน เริ่มตั้งแต่หัวขบวนอย่างผู้ว่าราชการที่กระทรวงมหาดไทยเอามาลง ก็ล้วนแต่มีอายุราชการเหลือเพียง สองปี เพื่อเป็นรางวัลแห่งการพักผ่อนมาลงไว้ที่จันทบุรี

ดังนั้นเมื่อหัวขบวนใกล้หมดอายุ จะเอาแรงไหนมาทำงาน ก็จำต้องหาความสุขให้กับตัวเอง

โชคดีที่จันทบุรีไม่เป็นอย่างพัทยา ไม่มีเจ้าพ่อเลวๆให้ปชช.กราบไหว้

อันนี้ถือเป็นศักดิ์ศรีของคนจันทบุรี

แต่การที่คนจันทบุรีปล่อยให้จังหวัดตัวเองถูกข้ามหัวครั้งแล้วครั้งเล่า คนจันทบุรี ก็ยังนิ่งเฉย เช่น โครงการสนามบิน ก็ต้องยกเลิกไปทั้งที่แผนการและงบก็เตรียมการเอาไว้

การไปเยี่ยมเป็นพญาน้อยของพลเอก ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 -6 ก.พ 61 ที่ผ่านมา ก็เป็น “เดิมๆ” นั่นแหละ

ไม่มีอะไรเปลื่ยนแปลง แม้คำว่า ราชาแห่งผลไม้ เพราะผู้บริหารจังหวัด ข้าราชการทั้งการเมือง และ ประจำ ไม่มีเวลาจะมาเอาจริงกับการพัฒนาเมืองจันท์ให้เติบโต

นักลงทุนไปลงทุนสร้างรีสอร์ท เป็นร้อยล้านบาท แต่ถนนเข้าฃอยเพียง700เมตร ผ่านมาตั้งแต่ปี 2535 ถนนฃอยนี้ยังเป็นลูกรัง ขณะที่ถนนฃอยอื่น บางถนนมีบ้านหลังเดียวเป็นฃอยคอนกรีตอย่างดี

ทั้งที่เข้าไปอยู่ใน แผนพัฒนาอำเภอ ตั้งแต่ปี 2551 ปัจจุบันเทศบาลอำเภอโป่งน้ำร้อน ทำให้ได้ปีละ100เมตร มาสามปีแล้ว ต้องรอไปอีก สี่ปี ถนนฃอยนี้จึงจะเสร็จ

ธุรกิจ เป็นร้อยล้านที่นักลงทุนออกเงินค่าขยายเขตไฟฟ้าให้ชาวบ้านได้ใช้ทั้งฃอยไปแล้วกว่าสามล้านเมื่อปี2536 โดยเทศบาลไม่ต้องลงทุนนั้น เทศบาลก็ยังไม่แม้แต่ไฟส่องถนนมาติดให้

มันจึงคือผลงานของข้าราชการจังหวัดนี้ เป็นเช่นนี้นั่นเอง

ทั้งที่ฃอยนี้อยู่ห่างที่ว่าการอำเภอโป่งน้ำร้อนแค่กิโลครึ่ง

การลาออกของนาย วิทูรัช ศรีนาม หากเป็นสมัยโบราณอาจถูกตัดหัวประหารชีวิตไปแล้ว

ดีใจที่ท่านยังสำนึกได้ด้วยการลาออก เพราะท่านลงนามในหนังสือให้ข้าราชการ “รับเสด็จ”นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จึงเป็นการสั่งการที่ผิดพลาด

แม้ว่าคำสั่งดังกล่าว ท่านจะไม่ได้พิมพ์เอง แต่ท่านต้องอ่านและลงนาม ความรับผิดชอบจึงเต็มๆ

มันจึงเป็นการพลาดจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่มันคือเรื่องใหญ่ ในประเทศไทยที่ปกครองโดยระบบพระมหากษัตริย์

การลาออกของ นาย วิทูรัช ศรีนาม จึงเป็นเรื่องถูกต้อง
ส่วนจะได้กลับมาหรือไม่ได้กลับมาในตำแหน่งข้าราชการมหาดไทยหรือไม่นั้น

ม.44 ก็คงไม่กล้าใช้แน่นอน

 

พัชรินทร์