ความสงบจะเป็นความสุขที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับในชีวิตมนุษย์
ตามหลักวิทยาศาสตร์เขาบอกว่าอารมณ์ที่มันจะเข้ามานี่มันจะผ่านด่านสองด่าน
ด่านที่หนึ่งคือคลื่น เขาเรียกว่าเวฟ (wave) คลื่นของสมองนี่จะรับอารมณ์ พอคลื่นสมองรับอารมณ์ อารมณ์ก็เข้ามาแล้ว
ถ้าคลื่นนี้ไม่รับมันก็เข้าไม่ได้
พอเข้ามาแล้ว ก็มาถึงด่านที่สองคือความสั่นสะเทือน เขาเรียกว่าไวเบรชั่น (vibration)
พอสั่นสะเทือนแล้วสมองก็รู้สึก ทำงาน
พอทำงานแล้วสมองก็จะส่งไปที่ใจ ใจก็ทำงานต่อ ทีนี้ก็เป็นอย่างนั้น เป็นลูกโซ่
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นระยะ ๆ แต่แท้ที่จริงตามความเป็นจริงแล้วมันจะเร็วยิ่งกว่าจรวด เร็วยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
พอมันกระทบคลื่นพับมันจะถึงสมองทันที แล้วใจก็สั่งการทันที เป็นอย่างนั้น
ทีนี้เมื่อใจสั่งการก็กระทบกระเทือนไปถึงใจ ใจก็อยู่นิ่งไม่ได้
เมื่อใจอยู่นิ่งไม่ได้ใจก็เกิดอารมณ์
พอเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้วมันก็มีดีมีชั่ว ผูกพยาบาท อาฆาตจองเวร ความโลภ ความโกรธ ความหลงอะไรมันก็ตามกันเข้ามา แล้วมันก็หมกเข้ามาอยู่ในใจของเรานี่แหละ
ทีนี้ใจจะเป็นเครื่องรองรับคือรับแล้วก็เก็บเอาไว้ ที่คิดว่าเก็บไว้ในสมองน่ะมันไม่ใช่ มันเก็บไว้ที่ใจของเรานี่
ไปทำอะไรมาก็เก็บไว้ที่ใจอันนี้ ใจจะเป็นภาระที่หนักที่สุด
เพราะฉะนั้นการทำสมาธิจึงทำที่ใจเพื่อที่จะได้แก้ไขในกรณีนี้
แต่ว่าในโดยธรรมชาติมนุษย์ทั้งหลายเขามีสมาธิอยู่แล้วเขาเรียกว่าสมาธิธรรมชาติ ทุกคนก็มีสมาธิกัน
ถ้าไม่มีสมาธิเมื่อไหร่นี่คนก็ต้องเป็นบ้าทันที
แต่ว่าเพราะมีสมาธิอยู่คนเราก็พูดกันได้ตามปรกติ
ทีนี้พอสมาธิลดน้อยลงคำพูดก็ชักเบลอ ก็หมายความว่าชักจะมีการกระทบกระเทือน ชักจะมีความโลภ ความโกรธ ความหลงตามกันมาอย่างนี้
ความจริงมันเป็นอย่างนี้คือธรรมชาติเกิดขึ้นมาแล้วมันก็แก้ไขมันเอง พอแก้ไขสำเร็จก็นอนหลับไป แก้ไขไม่สำเร็จก็นอนไม่หลับ อะไรอย่างนี้เป็นต้น
แล้วก็มีการกระทบกระเทือนไปถึงร่างกายส่วนอื่น
เมื่ออารมณ์มากเข้านี่รับน้ำหนักไม่ไหวมันก็จะค่อยหน่วง หน่วงใจของเรานี้ให้ล้า
หน่วงใจนี้ของเราให้ถอย
หน่วงใจของเรานี้ให้เลิกทำความดีอะไรต่าง ๆ มันก็มี
เพราะฉะนั้นการทำสมาธินี่มันถึงได้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
สุขภาพกายก็คือลดการสั่นสะเทือนของสมอง
แทนที่เราจะสั่นสะเทือนซะหมื่น ซะแสน เหลือการสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อย สมองของเราก็ได้พัก
เมื่อสมองได้พักแล่วส่วนอื่นของร่างกายก็ดีตามมาด้วย
ทีนี้ถ้าหากว่าสมองไม่ได้พักนี่ส่วนอื่นของร่างกายมันก็ตามมาด้วย มันจะเจ็บนู้นบ้าง มันจะเจ็บนี่บ้าง เจ็บท้อง ปวดหัว มันก็ว่าของมันไปเรื่อย อย่างนี้เป็นต้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง”
ความสุขนี่อะไรต่าง ๆ ความสุขทั้งหมดบรรดามีอยู่ในโลกนี้จะสู้ความสงบไม่ได้
ความสงบจะเป็นความสุขที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับในชีวิตมนุษย์
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๑๖๕
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๑.๑๓
ใส่ความเห็น