ผู้ใดได้มาทำสมาธิแล้วก็ถือว่าได้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา
ถ้าผู้ใดได้มาทำสมาธิแล้วก็ถือว่าได้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา
เพราะอะไร
เพราะว่าสมาธิเป็นปัจจัยให้เกิดสิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย นอกจากจะได้รับความสุขโดยพลัน
เมื่อเราทำสมาธิเมื่อไหร่นี่เราก็จะได้รับความสุข
ความสุขอันนั้นเกิดจากพลังจิต เพราะว่าการทำสมาธินั้นจุดประสงค์ต้องการพลังจิต
เมื่อพลังจิตเกิดขึ้นมาแล้วความสุขก็เกิดขึ้นมาได้
เมื่อพลังจิตเกิดขึ้นมาแล้วเราก็สามารถควบคุมจิตใจของเราเองได้
เพราะว่าใจของมนุษย์นี้มันเป็นเรื่องสำคัญที่ว่าจะมีการส่ายแส่ไปต่าง ๆ
อารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากใจนั้นเรียกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจอ่อนไหว
ความอ่อนไหวเหล่านั้นจะต้องไปถูกทางดีบ้าง ไปถูกทางชั่วบ้าง
ถ้าหากว่าหวั่นไหวไปในทางที่ดี ที่เป็นบุญกุศลก็ถือว่าดี
ถ้าหากว่าหวั่นไหวไปในทางที่บาปอกุศลก็ถือว่าทางไม่ดี
โดยมากแล้วใจของเราจะหวั่นไหวไปในทางอกุศล เพราะว่าเรามีกิเลสที่เรียกว่าความโลภ ความโกรธ ความหลงอยู่ในใจของเรานี้เป็นตัวการที่จะทำให้ความไขว้เขวของเราเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้พวกเราทำสมาธิเพื่อป้องกันความไขว้เขวของใจ
สมาธิจึงเป็นตัวที่มีความสำคัญในการควบคุมต่าง ๆ
แต่ว่าการที่ทำสมาธิให้เกิดขึ้นนั้นก็ต้องมีคำบริกรรม
จะบริกรรมอะไร พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ว่าไป จะบริกรรมอะไรก็ได้ แต่บริกรรมอะไรก็ต้องบริกรรมอันนั้นตลอดไป
เมื่อบริกรรมแล้วคำบริกรรมอันนี้จะเป็นแนวทางหรือเรียกว่ากุญแจ เป็นกุญแจที่จะไขไปสู่ความสงบ ไขไปสู่ในที่ทุกอย่างของญาณ ของฌาน ก็เพราะไปจากคำบริกรรมในเบื้องต้น
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๑๑๓
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๑.๐๒
ใส่ความเห็น