“กัมมะทายาโท” กรรมเป็นของผู้กระทำ ไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ร่างกายนี้เป็นเพียงหุ่นให้ใจนี้เป็นผู้ชักใย ไม่ว่าเราจะทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำขึ้น ใจเป็นผู้สั่งการ
เพราะฉะนั้นสำคัญจึงอยู่ที่ใจ แล้วเราจะทำอย่างไรกับใจดวงนี้ให้เป็นประโยชน์
เพราะว่าใจดวงนี้จะเป็นสิ่งที่ไม่ตาย ร่างกายตายไปก็จริงแต่ใจดวงนี้จะไม่ตายตามร่างกายนี้ไปด้วย
ท่านทั้งหลายการทำบาป หรือการทำความชั่วไม่ใช่ทำแล้วแล้วกัน แต่ทำแล้วก็จะต้องได้รับผลของกรรม
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กัมมะทายาโท” เป็นผู้ที่จะต้องได้รับผลของกรรมที่ตนทำไว้นั้น ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
เพราะว่ากรรมจะต้องตามสนอง
ในขณะเดียวกันที่เราทำความดี ความดีก็ตามสนอง ไม่ว่าเราจะไปอยู่แห่งหนตำบลใดหรือจะไปเกิดในชาติใดฉันใด
กรรมดีนั้นจะต้องไปส่งผลให้เราได้รับความสุขและสมความปรารถนาในกรณีที่เราตั้งใจ
เพราะฉะนั้นการที่เรามาปฏิบัติทางใจจึงเป็นการทำที่ถูกต้องที่สุด
คำว่าถูกต้องที่สุดก็คือการทำใจให้เป็นหนึ่ง
ความที่ทำใจให้เป็นหนึ่งได้นั้นมีอยู่ทางเดียวคือสมาธิ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เอโก อะยัง ภิกขะเว มัคโค” ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางมีทางเดียวที่บุคคลผู้เดียวจะเดินไป
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าได้ตรัสมรรคเอาไว้ให้พวกเราปฏิบัติ
ถ้าเราทำสมาธินี่ เรียกว่าสัมมาสมาธิ ก็เท่ากับว่าเราทำมรรคได้ทั้ง ๘ องค์
เพราะเหตุใด
เพราะเหตุว่าสมาธิเป็นเครื่องบังคับจิตใจ แล้วมรรคที่จะเดินไปได้ก็ต้องอยู่ในความควบคุมของจิตใจ
ถ้าจิตใจนี้ควบคุมจิตใจตัวเองไม่ได้การดำเนินมรรคก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๙๔
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๐.๑๒.๓๑
ใส่ความเห็น