ถ้าหากเราไปเยี่ยมหรือไปดูบ่อเพชรบ่อพลอยที่เขาขุดเพชรขุดพลอยนี้ เราจะมองเห็นแต่หิน ไม่เห็นเพชรเห็นแต่หิน ก้อนหิน

แต่ว่าคนที่มีความฉลาด คนที่มีความรู้ เขาก็จะมองก้อนหินก้อนนี้ว่าเป็นเพชร แล้วเขาก็ไปเอาก้อนหินก้อนนั้นมา
แล้วมาถึงมาทำอะไร ก็มาเจียระไนเอาเปลือกมันออกซะ แล้วก็เอาแต่แก่นเพชร
แล้วทีนี้ค่าของหินก้อนนั้น แต่ก่อนที่ยังไม่เจียระไนนั้นมีค่าซัก ๑๐๐ บาทกระมัง ยังไม่มีใครซื้อเพราะว่ามันเป็นก้อนหิน
แต่ว่าถ้าหากว่าเจียระไนออกมาเป็นเพชรแล้วมันเป็นร้อยล้าน พันล้าน มันเป็นของที่มีราคา

ฉันใดก็ดี ในการที่มีผู้ที่แนะนำสั่งสอนสมาธิให้ เมื่อแนะนำสั่งสอนสมาธิให้ตามคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงมรรค ๘ ข้อที่ ๘ นั้นก็คือสัมมาสมาธิ ก็คือการเจียระไน เจียระไนจากอารมณ์

อารมณ์ต่าง ๆ นั้นน่ะมันเป็นเปลือก มีมากมายก่ายกองอารมณ์ เรียกว่าเหลือล้นพ้นประมาณ ตั้งแต่เราเกิดขึ้นมาจนป่านนี้ ความนึกคิดนี่เอาไปใส่อะไรก็เต็มไปหมด มากมายเหลือเกิน
แต่ว่ามากมายนั้นน่ะมันเป็นเปลือก ยังไม่ใช่แก่นแท้

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลามาทำสมาธิแล้วเราก็มาบริกรรมพุทโธ พุทโธ ก็เหลืออารมณ์เดียว
ในอารมณ์เดียวนั้นแหละมันก็กลายเป็นสมาธิขึ้น
อันนี้ถือว่าเป็นการกะเทาะเปลือกเพื่อที่จะเจียระไนเพชรให้เกิดมีค่ามีราคาขึ้นมา

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาที่เราได้ทำสมาธิขึ้นมาแล้ว เราก็จะได้พัฒนาตัวเราเองจากปุถุขนนี้มาเป็นกัลยาณชน จากกัลยาณชนมาเป็นอริยะชน

ก็หมายความว่าคน ๆ เดียวนั่นแหละ ก้อนหินก้อนเดียวนั่นแหละ แต่ว่าทำให้มีค่าซะ
ก็เพราะว่ามัวแต่หลงอารมณ์อยู่ อารมณ์ต่าง ๆ ก็เลยไม่สามารถที่จะกระเทาะเปลือกได้ ก็เลยต้องถือเอาก้อนหินไปเปล่า ๆ ทั้ง ๆ ที่ในก้อนหินนั้นก็มีค่ามีราคา

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๘๘
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๒.๓๐