เรื่องของการปฏิบัตินั้นจึงไม่ใช่เป็นเรื่องที่ยาก แต่ว่าก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ด้วยกันทุกคน

เราจะไปคิดว่าเรามีบุญน้อย วาสนาน้อย ไม่ต้องคิด
เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นยิ่งใหญ่อยู่แล้ว เมื่อนำเอามาใช้ เมื่อนำเอามาปฏิบัติ ผลก็ต้องเกิดขึ้นสมควรแก่การปฏิบัติอย่างแท้จริง

ชีวิตของคนเรานั้นเป็นของที่ไม่แน่ วันนี้ พรุ่งนี้ มันจะตายเมื่อไหร่เรารู้ไม่ได้ รู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่รู้มันจะตายวันไหน มันจะต้องมาถึงเราวันหนึ่ง

เพราะฉะนั้นเมื่อเราพิจารณาเห็นจริงแจ้งประจักษ์ขึ้นมาแล้วเราก็ได้ประโยชน์จากชีวิตนี้ ไม่ต้องให้ชีวิตนี้จะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกนานเกินไป แล้วก็สามารถทำให้พ้นทุกข์ได้

เมื่อพ้นทุกข์ได้เขาเรียกว่า “นิพพานัง ปะระมัง สุขัง”
นิพพานมีความสุขอย่างยิ่ง คือมีความสุข ความทุกข์ไม่มี มีความสุขตลอดนิรันกาล

เมื่อเป็นเช่นนั้นเราท่านผู้ที่เป็นพุทธศาสนิกชนจึงมีความปรารถนาที่จะถึงซึ่งนิพพานด้วยกัน
แล้วก็ไม่ใช่ว่าเราจะเอาชีวิตของเรานี่เป็นหนูทดลอง
ว่าเอาชีวิตของเราไปทดลองอย่างนั้น ทดลองอย่างนี้มันคงจะมีความสุข เราได้อย่างนั้นมันคงจะมีความสุข เรามีอย่างนี้มันคงจะมีความสุข ไปทดลอง ทดลองไปทดลองมาก็เสียหายเปล่า ๆ

เพราะฉะนั้นสาธารณธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เราปฏิบัติอยู่นี่ อันนี้แหละที่จะเป็นแนวทาง
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการให้ทาน
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการรักษาศีล
แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการภาวนา ก็ล้วนแล้วแต่เป็นแนวทางที่จะทำให้เราพ้นจากทุกข์ด้วยประการทั้งปวง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๓๙
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๐๒