อิศราแถลงการณ์โดนกระบวนการใส่ร้ายป้ายสีหลังทำหน้าที่เปิดโปงขบวนการทุจริตของชาติมาช้านาน
นับแต่นักข่าวจากสำนักข่าวอิศราเปิดเผยข่าวทุจริตของหน่วยงานราชการหลายแห่ง หลายครั้ง จนทำให้วงการทุจริตสั่นสะเทือนเป็นที่หวาดผวาแก่บรรดาคนโกงมากมาย
ล่าสุด กรณีนักข่าวสำนักข่าวอิศรา เข้าไปในหอพักของภรรยา พล. ต. อ พัชรวาท อดีตผบ.ตร เป็นที่มาของการแจ้งจับนักข่าวในข้อหาบุกรุก เป็นคดีความที่ต้องขอรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือและสู้คดีให้กับนักข่าวรายนี้ ยังไม่สิ้นกระแสความ ก็มามีการปล่อยข่าวฃุบฃิบว่าผู้อำนวยการสำนักข่าวนี้ “กินเด็ก”
ทำให้สถาบันอิศราและสำนักข่าวอิศรา ต้องออกมาประกาศจุดยืนสู้กับอำนาจใฝ่ต่ำ โดย นางสาว วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา ได้ออกแถลงการณ์ ความว่า
สืบเนื่องจากการที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อความว่า ผู้บริหารองค์กรสื่อแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศพนักงานในสังกัด จนทำให้ต้องลาออกจากองค์กรและเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง กระทบต่อปัญหาจริยธรรมและคุณธรรมอันเป็นพื้นฐานของวิชาชีพสื่อมวลชนโดยรวม และภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน โดยได้ประกาศตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560 แต่ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ แจ้งให้สาธารณชนทราบ
ในขณะที่ปรากฏว่า Mr.Andrew MacGregor Marshall อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าวรอยเตอร์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุเนื้อความชัดเจนว่า นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา เป็นบุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้สถาบันอิศราและนายประสงค์ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ดังที่ปรากฏอยู่ในสื่อสังคมออนไลน์ในขณะนี้
สถาบันอิศรา ในฐานะสถาบันด้านสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะวิชาชีพแก่สื่อมวลชนทุกแขนง มีบุคลากรทั้งในวงการสื่อมวลชนและบุคคลภายนอกจำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 คน ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่สถาบันจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถาบันอิศรายังได้จัดตั้ง “สำนักข่าวอิศรา” เพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติการหลักด้านการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนให้เป็นที่พึ่งสำคัญแก่สังคมไทยในทุกช่วงภาวะวิกฤต ทำหน้าที่ทั้งการตรวจสอบค้นหาความจริง ตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งในวงราชการและเอกชน รวมถึงองค์กรต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา จนได้รับความเชื่อมั่น เชื่อถือเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นลำดับ
“ปัจจุบัน นายประสงค์ เป็นบุคคลสาคัญอีกคนหนึ่งที่เป็นผู้เสียสละตนเป็นตัวแทนและเป็นเบื้องหน้า ทำหน้าที่ต่างๆ แทนคณะกรรมการบริหารสถาบันอิศราอย่างใกล้ชิดและเข้มแข็งตลอดมากว่า 7 ปี ส่งผลให้นายประสงค์ต้องตกอยู่ในภาวะการเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้สูญเสียผลประโยชน์จากการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของสำนักข่าวอิศราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คณะกรรมการบริหารสถาบันอิศรา ได้มีการสอบถามถึงพฤติการณ์และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากบุคคลแวดล้อม และจากนายประสงค์ แล้วสรุปได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ จนก้าวเข้าไปสู่สื่อกระแสหลักต่างๆ นั้น เป็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากความจริงที่เกิดขึ้นอย่างมากจนสถาบันอิศราและพนักงานไม่อาจยอมรับต่อพฤติการณ์ของผู้ประสงค์ร้ายและต้องการทำร้ายชื่อเสียงและทำลายเกียรติคุณที่สะสมมายาวนานของสถาบันอิศราได้อีกต่อไป
สถาบันอิศรา และพนักงานทั้งหมดยืนยันว่ายังคงมีความเชื่อมั่นเชื่อถือในความประพฤติของนายประสงค์ โดยรวมและพร้อมที่จะต่อสู้ยืนหยัดร่วมกับนายประสงค์เพื่อพิสูจน์ความจริงต่างๆ ให้ปรากฏ ยืนยันว่าสถาบันอิศรา และพนักงานทุกคนจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำพานายประสงค์ ผ่านภาวะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการกระทำที่เลวร้ายของกลุ่มคนผู้เสียผลประโยชน์ และขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินคดีทั้งในทางแพ่งและทางอาญากับบุคคลทุกคนที่กระทำการใดๆ ให้สถาบันอิศรา สำนักข่าวอิศรา นายประสงค์ และพนักงานของสถาบันอิศราทุกคนได้รับความเสียหายทั้งต่อชื่อเสียงเกียรติคุณ หรือถูกดูหมิ่นเกลียดชังอย่างถึงที่สุด”
ใส่ความเห็น