ชีวิตของคนเรานี่มันหลีกไม่พ้น คนเรามันจะไม่แก่ไม่ได้ จะไม่เจ็บไม่ได้ มันจะต้องมี

บางคนมีโรคภัยไข้เจ็บเยอะ บางคนก็มีโรคภัยไข้เจ็บน้อย
แต่มันก็จะต้องมีโรคภัยไข้เจ็บประจำตัวอยู่ทุก ๆ คน
เพราะว่าในที่สุดชีวิตของเราก็จะหมดไป แต่เราจะให้ชีวิตของเราหมดไปด้วยความสิ้นหวังนั้นเป็นการไม่สมควร

สมควรที่เราจะต้องให้ชีวิตของเราอยู่ในความหวัง
ความหวังความปรารถนาของเราก็คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ

มนุษย์สมบัติก็ถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์ก็อย่าให้มีความยากจน
สวรรค์สมบัติเมื่อเกิดเป็นเทวดาก็มีปราสาทราชมณเฑียร เป็นต้น
เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าทำจิตใจของเราเจริญวิปัสสนาต่อไปจิตก็พ้นไปจากกิเลส
เมื่อพ้นไปจากกิเลสได้แล้วเราก็ไม่ต้องมาเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป

นี่คือความหวังที่พวกเราจะหวังกันอยู่
เพราะว่าเมื่อเรามีชีวิตนี่ก็เรียกว่ามาใช้ชาติ

มาใช้ชาติก็คือว่าเราได้ทำกรรมอะไรต่าง ๆ ก็เสวยกรรมไป ในขณะเดียวกันที่เรากำลังใช้ชาติอยู่ก็จำเป็นที่จะต้องหาสมบัติที่แท้จริงให้แก่ตัวของเราให้ได้
อย่าถือว่าเรามาใช้ชาติเกิดมาก็ตายไปเฉย ๆ เรามาใช้ชาติแต่ว่าเรามาหาประโยชน์ให้แก่ตัวของเราด้วย

ประโยชน์ที่จะได้ติดตนตามตัวไปได้ก็คือทานการบริจาค ศีลการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ภาวนาก็คือการทำให้จิตใจของเราให้สงบระงับ

อย่างนี้ถือว่าเรานั่นไม่ใช่มาใช้ชาติเฉย ๆ แต่ว่าเรามาได้สิ่งที่เป็นของดีที่จะติดตนตามตัวเราไป
เพราะว่าการให้ทานก็คือบุญ การรักษาศีลก็คือบุญ การภาวนาก็คือบุญ

บุญเหล่านี้ก็จะไปเป็นที่พึ่งให้แก่เราในเมื่อเวลาเราดับชีพทำลายขันธ์ไปก็มีสิ่งที่เกาะเหนี่ยว

ทีนี้ถ้าหากว่าเรามาใช้ชาติแบบที่ว่ากินเหล้าเมาสุรา มาใช้ชาติแบบสำมะเลเทเมาอะไรอย่างนี้ นั่นเรียกว่ามาใช้ชาติแบบที่ว่าไม่ได้อะไรติดมือไป
เมื่อเป็นเช่นนั้นมันก็ทำให้เราต้องเสียโอกาส ต้องไปเสวยกรรมที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนนานแสนนาน

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๒๘๐
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๙.๑๖