อารมณ์ที่หมักหมมอยู่ไปตลอดนั้นน่ะมันเป็นเชื้อ มันเป็นสิ่งที่เขาเรียกว่ามันเป็นมลทิน มลทินในใจของเรา

เพราะว่าพอเวลานึกทีแรกมันมันค่อยเป็นหรอก พอนึกที ๒ ที ๓ เข้าก็เริ่มหละ
พอนึกหลายครั้งเข้ามันก็กลายเป็นอุปาทาน
พอกลายเป็นอุปาทานมันก็กลายไปเป็นจุดดำ
พอกลายเป็นจุดดำมันก็มีอิทธิพลที่จะทำให้เรามีความทุกข์ความเดือดร้อนนานัปการ

แต่หากว่าเราพากันนึกพุทโธได้หรือว่าทำสมาธิก่อนนอนได้
เราก็จะสามารถขจัดอารมณ์ พอสามารถขจัดอารมณ์แล้วแทนที่อารมณ์นั้นจะหมักหมมอยู่ที่ในใจของเรา แต่มันก็ถูกพุทโธขจัดออกไป
พอเวลาเรานึกพุทโธแล้วอารมณ์เหล่านั้นมันก็ถอย มันเป็นโอกาสที่จิตของเราจะได้ผลิตพลังจิต
ทีนี้เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วนี่อารมณ์ที่คั่งค้างมันก็ไม่มี อุปาทานต่าง ๆ มันก็หายไป แล้วต่อไปมันก็กลายเป็นจุดขาว
ทีนี้มันเป็นจุดขาวแล้วมันก็เลยเป็นประโยชน์ต่อเรา

จุดขาวมันก็กำจัดจุดดำออกไปได้ ออกจากใจของเรานี่

“สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ”
การให้ทานธรรมย่อมชนะการให้ทั้งปวง
ทางธรรมก็หมายความถึงว่าสละอารมณ์ออกไปนั่นเอง
ทำใจให้เป็นพุทโธ ๆ อยู่อย่างนั้นถือว่าเป็นการทำเสียสละให้แก่ตนเองได้อย่างแท้จริง

ด้วยเหตุนั้นวันหนึ่ง ๆ เราอย่าให้เสียไปเปล่า ๆ ขอให้วันหนึ่งเป็นประโยชน์แก่เราทุกวันก็แล้วกัน

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๑๙๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๘.๑๗