สุขหรือทุกข์ หนทางให้การแก้ไข
ความสุขของคนเรานี้มันมาจากไหน
ความทุกข์ของคนเรานี่มันมาจากไหน
เวลาเกิดความสุขขึ้นมาแล้วหน้าตาจะยิ้มแย้มแจ่มใส เกิดความสบาย ก็คือว่าปรารถนาสิ่งใดได้สมความปรารถนาก็เกิดความสุข นี่พูดเป็นส่วนรวม
ความสุขต่าง ๆ ที่ได้นี่เป็นความสุขเขาเรียกว่า “โลกีย์” เมื่อเป็นความสุขแล้วมันสุขประเดี๋ยวหนึ่ง ความทุกข์มันจะไหลตามความสุขนั้นมา แล้วมันก็จะต้องแก้ปัญหาสารพัด อย่างนี้เป็นต้น
ความทุกข์นี่มันมาจากไหน
ความทุกข์นี่จะเกิดขึ้นจากความไม่สมหวัง
“ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง” ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สมความปรารถนาสิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
แล้วความทุกข์นี้มันก็จะก่อตัวของมัน ก่อตัวจนกระทั่งกลายเป็นจุดดำ
แล้วก็ทำให้คนนั้นต้องทั้งนอน ทั้งนั่ง ทั้งยืน ทั้งกิน ทั้งเดิน ก็อยู่ในจุดดำ
จุดดำจะตามเขาไปตลอดชีวิต อย่างนี้เขาเรียกว่าความทุกข์เกิดจากความไม่สมหวัง
เป็นทุกข์มันก็เกิดจุดดำ ทีนี้พอเกิดจุดดำแล้วไม่มีใครช่วยได้หรอกเพราะว่ามันลึกมาก
จุดดำนี่มันเท่าปลายเข็ม มันเล็กเท่าปลายเข็มเท่านั้น แต่ว่ามันมีอิทธิพลมหาศาล
มันทำความทุกข์ให้แก่บุคคลผู้นั้น นอนก็เป็นทุกข์ นั่งก็เป็นทุกข์ เดินก็เป็นทุกข์ พูดก็เป็นทุกข์ เคลื่อนย้ายไปยังไงก็เป็นทุกข์
เพราะทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่อื่น มันอยู่ที่ตัวของบุคคลผู้นั้น เอาจุดดำฝังไว้ในจิต
คนนั้นปรากฏว่าเขามีเงินนับไม่ถ้วน เราร้อยล้านพันล้านมันก็มากแล้ว
แต่หากว่ามีจุดดำแล้วเงินร้อยล้านพันล้านมันช่วยไม่ได้ มันช่วยให้ความทุกข์อันนี้หลุดออกไปไม่ได้
พวกเราทั้งหลายการที่ความทุกข์นี่มันจะเกิดขึ้นจาก “ยัมปิจฉัง นะ ละภะติ ตัมปิ ทุกขัง” ปรารถนาสิ่งใดไม่ได้สมความปรารถนาสิ่งนั้นก็เป็นทุกข์
แล้วไม่มีใครทุกข์ให้ ตัวเราทุกข์เอง
ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ภาราหะเว ปัญจักขันธา ภาราหะโร จะ ปุคคะโล ภาราทานัง ทุกขัง โลเก”
การที่แบก แบกภาระหมายถึงว่าสร้างจุดดำให้แก่ตัวของเรา
เมื่อสร้างจุดดำให้แก่ตัวของเราแล้วก็เท่ากับว่าสร้างบาปให้กับตัวของเรา
การสร้างบาปให้แก่ตัวของเราแล้วมันทำให้บาปหลุดไปไม่ได้
มันก็จะต้อง เขาเรียกว่าตามกัดกร่อน เหมือนกันกับสนิมมันกัดเหล็ก
เหล็กมันจะหนา เหล็กมันจะใหญ่ เหล็กมันจะเหนียวแค่ไหน สนิมกัดกินเกลี้ยง
ก็เหมือนกันกับจุดดำที่เขาสร้างขึ้นมา ความไม่สมหวังต่าง ๆ มันก็จะทำให้เขาถูกกัดกร่อน
เขาจะแข็ง หมายความว่าใจแข็งมาก ฉันต่อสู้ใจแข็งมาก แต่มันแข็งไม่ไหวหรอก เพราะว่าสนิมมันกินเหล็ก เหมือนกันกับจุดดำที่มันกินจิตใจของเรา
เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลาย การที่เราจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปรกติในชีวิตของเราก็มีอยู่ทางเดียว คือการทำสมาธิให้เกิดพลังจิต
พลังจิตเท่านั้นที่จะกำจัดจุดดำนี้ออกไปได้
เราไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปตั้งหน้าตั้งตากำจัดจุดดำ แต่ถ้าหากว่าพลังจิตที่เราสร้างขึ้นมานี่มันมากพอ
สะสมมากเข้ามันก็ทำลายจุดดำไปในตัว
เหมือนกันกับเราได้สร้างน้ำดีขึ้นมา น้ำดีมากเข้า ๆ น้ำเสียมันก็ถอยออกไปจนกว่าจะหมด
เพราะฉะนั้นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นน่ะแนะนำให้พวกเราพากันสร้างพลังจิตตรงนี้แหละ
เมื่อเราสร้างสำเร็จชีวิตของเราค่ามหาศาล เรียกว่านับไม่ถ้วนว่าคุณค่ามันเท่าไหร่
แต่ถ้าหากว่าเราปล่อยให้จุดดำมันฝังเข้าไปในใจของเราแล้วถอนไม่ออก อันนั้นน่ะมนุษย์นี่ก็จะลดค่าของตัวเองไปเรื่อย ๆ ลดจนกระทั่งหาค่ามิได้
ดังนั้นสติสัมปชัญญะที่เรามีอยู่ในเวลานี้จงใช้มันให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา
ระลึกถึงความดีที่ว่าเราจะสร้างมันขึ้นมาได้อย่างไร
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๑๕๘
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๐๘.๐๗
ใส่ความเห็น