ปปช.ทุจริตบนความร่วมมือ ต้องกวาดบ้านตนเองให้สะอาดก่อนจึงจะเป็นผู้นำให้คนไทยเชื่อมั่น

วันนี้9 ธ.ค เป็นวันที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้กำหนดจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย)ภายใต้แนวคิด “Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต”

หลายหน่วยงานหลายจังหวัดทั่วประเทศร่วมจัดงานเพื่อบอกให้สังคมรู้ว่าเราคนไทยจะไม่ทนต่อการทุจริตแล้ว จริงหรือ

ปปช.สร้างภาพหรือเอาจริง

ต้องหันไปดูพฤติกรรมของคนปปช.และความเชื่อมั่นขององค์กรว่าปฎิบัติตนเพียงพอที่จะเป็นผู้นำการต่อต้านทุจริตได้จริงหรือไม่

ความสัมพันธ์ มิตรไมตรี การพึ่งพา จะทำให้การต่อต้านทุจริตสำเร็จลงได้อย่างไร

มาดูผลงานของปปช.ที่ผ่านมา ทำงานกันแบบไหน แบบที่ว่าคดีฝ่ายหนึ่งไม่คืบ คดีฝ่ายหนึ่งสำนวนจมน้ำหาย คดีฝ่ายหนึ่งพิจารณาล่าช้า ตรงข้ามกับอีกฝ่ายอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะคณะกรรมการปปช.บางคนก็ออกนอกหน้าเป็นอริกับอีกฝ่ายอย่างชัดเจน

แม้ผลงานปปช.จะประกาศจัดการทุจริตคนนั้นคนนี้ก็มีปีละกี่ราย ส่วนใหญ่ข้าราชการเท่าไร นักการเมืองเท่าไร

เมื่อปปช.คือหน่วยงานราชการ แม้จะเป็นอิสระหาใช่ที่รัฐจะไม่สนับสนุนงบประมาณ ดังนั้นข้าราชการกี่คนที่ถูกปปช.เอาผิดได้

ส่วนใหญ่ที่ปปช.เอาผิดได้คือกลุ่มใด ข้อหาอะไร

ปีใหม่นี้คงน่าจะเปิดเผยได้

มาดูว่าปีนี้ปปช.ประกาศหน่วยงานที่ได้รับรางวัลโปร่งใส อย่าง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มาได้อย่างไรหรืออย่างธนาคารออมสิน ที่มาร่วมมือกับปปช.จัดกิจกรรมสนับสนุนงาน

ปปช.ไม่รู้สึกกระดากหรือละอายใจบ้างหรือ เมื่อมีมากมายหลายคดีในองค์กรเหล่านั้นที่ถูกส่งเรื่องทุจริตมาให้ปปช.ตรวจสอบ

ปปช.จะสนับสนุน จะมีมิตรไมตรี ต่อหน่วยงานนั้นๆได้อย่างไร

การมีมิตรไมตรี คือความสนิทสนม ที่ไม่อาจปฎิเสธได้ว่า ย่อมส่งผลต่อการดำเนินงาน ต่อการตัดสิน

เมื่อเร็วๆนี้ได้ทราบจากคนปปช.ว่าคดีที่อดีตผู้อำนวยการธนาคารออมสินปล่อยเงินกู้ให้ข้าราชการครูแล้วบังคับให้ครูต้องทำประกันชีวิตรายละแสนกว่าบาท แต่ความจริงไม่ได้เป็นการทำกรมธรรม์ประกันชีวิตแต่เป็นกรมธรรม์ประเภทอื่นแทน

และธนาคารออมสินรับสินบนจากเงินค่าประกันนั้นร่วมกับกระทรวงศึกษา แบ่งกันเป็นหมื่นๆล้านบาท โดยคิดจากยอดเงินกู้ 13%

ทั้งที่ธนาคารออมสินขณะนั้นไม่มีพนักงานตัวเองเป็นนายหน้าประกันชีวิต และบริษัทที่มารับเป็นตัวแทนออกกรมธรรม์ก็ไม่ใช่บริษัทประกันชีวิต

น่าขำมากว่าการตรวจสอบพบว่าธนาคารออมสินรับเงินนั้นได้ เพราะมีระเบียบให้ไว้

ความจริงมันไม่มีระเบียบ หรือถึงจะมีก็ไม่ใช่ปี52 แต่ปปช.ออกผลตรวจมาได้เช่นนี้จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า เงินเป็นหมื่นล้านที่รับค่านายหน้ากันไปนั้น มันไปปิดปาก ปิดหู ปิดตา ใครไว้

ปปช.ต้องหาตัวมาให้ได้

เช่นเดียวกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ถูกร้องเรียนเรื่องการขายหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด เอื้อประโยชน์ ฮั้วประมูล และกลั้นแกล้งลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินแต่เอาไปขายถูกๆรู้เห็นเป็นใจให้กับผู้ประมูลได้
โดยมีอดีตสส.เป็นผู้กล่าวโทษและตามมาด้วยลูกหนี้ที่ถูกกลั้นแกล้งเข้าร้องทุกข์ตั้งแต่ต้นปีมาปลายปีเป็นคดีสำคัญเลขที่ 30524

แต่ปปช.กลับให้รางวัลโปร่งใส การันตีธนาคารนี้ว่าปลอดทุจริตเสียอย่างนั้น

สังคมจะเชื่อถือได้หรือ
เมื่อปปช.เป็นโต้โผงาน ต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ถามจริง ความเชื่อมั่นของสังคมจะมีต่อปปช.เท่าใด

หรือว่าที่ไปๆกันเป็นประเภทที่ปากว่าตาขยิบกันทั้งนั้น

หลอกลวงปชช.ให้เกิดความหวัง “คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต” แล้วปปช.จะทนได้หรือ

คงต้องเริ่มกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อนเป็นลำดับแรกละ จึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้สังคมได้

 

พัชรินทร์ พันธวงศ์