คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเรียกว่าเป็นอินทรีย์
เราจะนั่งสมาธิกี่ครั้งก็ตาม สมาธินั้นจะไม่สูญสลาย นั่งทีไรก็ได้พลังจิตทีนั้น
พลังจิตก็แทรกซึมอยู่ในจิตของเรา
เมื่อแทรกซึมอยู่ในจิตของเราแล้วก็ไม่สูญหายไป
เราทำสมาธิอีกพลังจิตก็เพิ่มขึ้นมาอีก เราทำสมาธิใหม่อีกพลังจิตก็เพิ่มขึ้นใหม่อีก เรียกว่าเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อย ๆ
เมื่อเพิ่มพูนขึ้นมาเรื่อย ๆ พลังจิตนี้ก็กลายเป็นวาสนา กลายเป็นบารมีของเรา ในชีวิตของเราก็จะกลายเป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง
เพราะว่าการที่ทำจิตนั้นจากชั้นสมาธิธรรมดาไปหาสมาธิชั้นกลาง จากสมาธิชั้นกลางไปถึงสมาธิชั้นสูง มันจะเลื่อนระดับตัวของมันเองในเมื่อเวลาที่เราพากันทำไปเรื่อย ๆ
การเลื่อนระดับของจิตนั้นก็จะเลื่อนระดับไปตามอัตโนมัติ เหมือนกันกับเราพากันเลี้ยงเด็ก
เราพากันเลี้ยงเด็กนั้นเราก็ให้อาหารอย่างเดียวน่ะไม่ทำอะไรหรอก ดูแลให้ดีเท่านั้นเอง แล้วก็ให้อาหารไปทุกวัน
เด็กก็จะเติบใหญ่ขึ้นไปเป็นอัตโนมัติ เรียกว่าโตขึ้นไปตามธรรมชาติเป็นอัตโนมัติ เหมือนกันกับการทำสมาธิ
สมาธิก็จะเพิ่มพูนขึ้นไปเป็นอัตโนมัติ เรียกว่าใหญ่โตขึ้น ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเรียกว่าเป็นอินทรีย์
อินทรีย์แปลว่าอินทรีย์แก่กล้า พออินทรีย์แก่กล้าแล้วใครอะไรก็ฉุดไม่อยู่ ก็สามารถจะไปสู่สวรรค์และนิพพานได้
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๔๗
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๑๒.๐๙
ใส่ความเห็น