รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้กล่าวโทษบุคคลและนิติบุคคล 3 ราย ได้แก่ 1.บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเดิมชื่อบริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) หรือเดิมชื่อบริษัท วธน แคปปิตัล จำกัด (มหาชน) และ 3.นายศิร์วสิษฎ์ สายน้ำผึ้ง กรณีมีพฤติกรรมชักชวนกันเพื่อให้ได้มาซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อครอบงำกิจการเกิน 25% โดยไม่ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (เทนเดอร์ออฟเฟอร์) ตามกฎหมายหลักทรัพย์ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.)
“การกล่าวโทษของ ก.ล.ต.เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย เป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ” รายงานข่าวระบุ

รายงานข่าวระบุว่า กรณีดังกล่าวเนื่องจาก ก.ล.ต.ได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้ชี้เบาะแสและตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า 3 บุคคลและนิติบุคคลข้างต้นมีพฤติกรรมและเจตนาร่วมกันให้ได้มาซึ่งหลักทรัพย์และครอบงำกิจการบริษัทเนชั่นในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน โดยไม่รายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ให้ครบถ้วนถูกต้อง และไม่ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทเนชั่นโดยเมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวร่วมกันได้มาซึ่งหุ้นข้ามจุดทุก 5% และคิดเป็นสัดส่วนเกินกว่า 25% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทเนชั่น ถือเป็นการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ซึ่งต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์และรายงานการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ให้ครบถ้วนถูกต้อง
การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 246 และ 247 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกลุ่มบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าวไม่ประสงค์เข้ารับการเปรียบเทียบความผิด ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษต่อ ปอศ.เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ทั้งสองนิติบุคคลและหนึ่งบุคคลธรรมดาพร้อมที่จะต่อสู้กับการกล่าวหาของกลต. ฃึ่งเป็นการรับฟังข้อมูลเบาะแสฝ่ายเดียว ขณะเดียวกันอาจมีการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อก.ล.ต กลับเช่นกัน