โดนเทหลังบิ๊กโจ๊กถูกให้ออกจากราชการ สมาคมปักษ์ใต้ปัดช่วยเหลือคนร้องทุกข์แถมปากเก่งด่าหาว่าคดีเกิดนาน8ปีแล้วเพิ่งจะมา

จากกรณีพล.ต.อ สุรเชษฐ์ หักพาล ในฐานะนายกสมาคมชาวปักษ์ใต้  ในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการสมาคมชาวปักษ์ใต้ ได้จัดทีมทนายความให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือทางคดีที่ชาวบ้าน ได้รับความเดือดร้อน ทุกรูปแบบ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่2เมษายน เป็นต้นมานั้น 

               ได้มีชาวบ้านรายหนึ่งไปทดลองใช้บริการ จึงนำคดีเข้าไปร้องทุกข์กับบิ๊กโจ๊กและทีมทนายที่สมาคมปักษ์ใต้เมื่อวันที่2เมษายน อันเป็นการเปิดบริการวันแรก โดยหอบเอกสารคดีไปปรึกษา แต่ไม่ได้รับคำแนะนำอะไร บอกให้ติดต่อมาอีกครั้งเพื่อจะได้คุยกับทนายที่จะรับทำคดีให้  พอครั้งที่สองตนก็หอบเอกสารทางคดีไปให้ดูอีกก็ไม่ได้รับคำปรึกษาใดๆกลับมาอีกนอกจากบอกว่าจะรับเรื่องไว้พิจารณาจัดหาทนายให้ โดยทีมทนายนายหนึ่งได้บอกว่า ต้องเข้าใจนะว่าให้คำปรึกษาส่วนถ้าจะว่าจ้างทนายต้องเขียนเป็นคำร้องให้สมาคมพิจารณา และไม่ใช่ฟรีนะ เพียงแต่ราคาจะถูกกว่าเพราะเป็นจิตอาสา  ชาวบ้านรายนี้จึงบอกว่า ไม่ได้มาขอความช่วยเหลือให้จัดหาทนายให้ฟรี ยินดีจ่ายขอให้ชำนาญทางคดีแพ่งเท่านั้น

จากนั้นทนายรายนี้ก็ให้เขียนคำร้องขอให้สมาคมจัดหาทนายตามที่คุยกัน ทนายรายนี้แจ้งว่าขอเวลาถึงวันที่23เมษายน แล้วจะให้คำตอบ ชาวบ้านรายนี้จึงถามว่าจะทันหรือเพราะคดีมีนัดในวันที่2พ.ค ฃึ่งตนแจ้งให้ทราบแล้วตั้งแต่นัดแรกวันที่2เมษายน ทนายรายนี้บอกว่าทัน

ปรากฎว่าเย็นวันที่23ก็ไม่โทรมาแจ้งให้ทราบว่า จะรับคดีหรือไม่ ชาวบ้านรายนี้จึงโทรไปหาปชส.สมาคม ได้รับคำตอบว่า สมาคมไม่มีเวลาไปทำคดีให้ และขอให้เข้าใจว่าเราให้แค่คำปรึกษาไม่ใช่จะหาทนายมาว่าความให้ฟรี 

 จากนั้นเธอก็พูดใส่เป็นชุดๆประโยคสุดท้ายก่อนเธอจะวางหูใส่เธอพูดว่า คุณต้องเข้าใจนะคดีคุณเกิดมาตั้งเจ็ดแปดปีแล้ว เพิ่งจะมาหาเรา คุณจะปัดความผิดมาให้สมาคมหรือ 

ชาวบ้านรายนี้บอกวีคลี่นิวส์ว่า รู้สึกโกรธมากต่อคำพูดของปชส.สมาคม แบบนี้  ฃึ่งทำให้เธอผิดหวังต่อการทำงานของสมาคมฯที่บิ๊กโจ๊กอุตส่าห์มีใจจะช่วยเหลือผู้ไม่ได้รับความเป็น ธรรม  แต่ดูเหมือนหลังจากบิ๊กโจ๊กถูกให้ออกจากราชการแล้วก็เหมือนจะโดนเทกับนโยบายช่วยเหลือประชาชนงานนี้อย่างเห็นได้ชัด

ตนไปหาถึงสองครั้งไม่ได้แม้แต่คำแนะนำ เพราะฟังแต่เรื่องเล่าของคดีแล้วแต่ไม่ได้ให้คำปรึกษาอะไรเลย ฃึ่งตนคิดว่าเรื่องคดีมันคงจะยากเกินไป จึงไม่อยากจะเสียเวลามาช่วยเหลือ

ยิ่งปชส.สมาคมมาย้ำว่า เราทำงานกันอย่าง”ไม่มีเงินเดือนกันนะ เราเป็นจิตอาสา “ฃึ่งตามความคิดของตน ถ้าทำงานอย่างนี้อย่าใช้คำว่าจิตอาสาเลย มันน่าอาย เพราะคนเป็นจิตอาสาทำงานด้วยใจไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์แอบแฝง ใช่หรือไม่

ที่สำคัญไปแล้วไปอีก กลับถูกเทแล้วยังพูดจากระแทกว่าเราเสียอีก อย่างนี้ชาวบ้านจะไปให้เหยียบย่ำทำไม 

ตนจึงข้องใจว่าสิ่งที่บิ๊กโจ๊กมีความปรารถนาดีต่อผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น คนในสมาคมฯคิดและทำอย่างที่บิ๊กโจ๊กต้องการหรือไม่  เคสของตนจึงชี้ชัดได้ว่า มันไม่จริง

นี่ขนาดตนมีเงินจ้างทนายนะ ถ้าไม่มีจะขนาดไหน  ชาวบ้านรายนี้บ่นอุบ