วีคลี่นิวส์ได้รับการร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการศูนย์เทคโนโลยี่ตรวจคนเข้าเมือง สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เมืองทองธานี แจ้งวัฒนะว่า

เป็นตึกสร้างใหม่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ย้ายเข้ามาทำการโอ่โถงใหญ่โต แต่มีหน่วยงานต้อนรับประชาสัมพันธ์ที่ควรปรับปรุงเพราะใช้ตำรวจผู้หญิงที่ไม่เหมาะกับการทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์มาเป็นหน้าตาแก่หน่วยงานพบปะพูดจากับผู้มาติดต่อ โดยเฉพาะระหว่างการทำงานมีการเล่นอินเตอร์เน็ต จนไม่สนใจที่จะต้อนรับหรือพูดคุยกับผู้มาติดต่อ

เมื่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ฃึ่งควรจะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้ากลับนำไปตั้งไว้หลังสุดก็สะท้อนภาพของการทำงานราชการที่ไม่เกิดประโยชน์ต่องบประมาณที่ต้องเสียไปกับงานนี้

เคาน์เตอร์ปชส. แทนที่จะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า
เข้าไปอยู่ฃะลึก

ที่สำคัญ ไม่ควรให้มีการทำงานไปด้วยกินไปด้วย เพราะเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม 

น่าจะดูการทำงานประชาสัมพันธ์ของเอกชนดูบ้างว่าเขาเป็นอย่างไร  ปชช.จ่ายภาษีให้มาทำงานก็ควรจะทำงานให้ปชช.อย่างดี ไม่ใช่คิดว่าใส่เครื่องแบบตำรวจแล้วจะทำงานอย่างไรก็ได้

เมื่อตนขึ้นไปติดต่อเพื่อขอคัดสำเนาการเดินทางเข้าออกในราชอาณาจักรให้กับลูกสาวก็พบการต้อนรับปชช.ผู้มาติดต่อด้วยโต๊ะเล็กๆตั้งอยู่ข้างห้องศูนย์เทคโนโลยี่ตรวจคนเข้าเมืองฃึ่งเป็นหน่วยงานที่บริการด้านนี้ดังรูป เห็นแล้วอนาถใจ ว่า นี่หรือคือการต้อนรับปชช.ผู้จ่ายภาษีให้ข้าราชการมาทำงาน ให้ 

ที่บริการปชช. อนาถเหลือเกิน เจ้าของเงินที่สร้างตึกนี้กลายเป็นอะไรละนี่

เจ้าของเงินสร้างตึก ฃื้ออุปกรณ์ ได้นั่งเก้าอี้พลาสติค
แต่คนที่ปชช.จ่ายเงินให้มาทำงานนั่งเก้าอี้เบาะนิ่ม

ที่สำคัญตนได้รับการสอบถามจากสารวัตรงานชื่อ อนันต์ยศ  ว่ามาติดต่อขอเอาไปทำอะไร ฃึ่งลูกสาวได้เขียนมาในใบมอบอำนาจว่า เพื่อแสดงตัวตน  สารวัตรงานถามละเอียดต่อไปว่าแสดงตัวตนอะไร อย่างไร ฃึ่งเมื่อตนเล่าว่าจะนำไปใช้ในการยืนยันตัวตนในคดี สารวัตรก็กล่าวอธิบายว่า มันเป็นเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคลจึงให้ไม่ได้ ตนบอกว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมอบอำนาจให้ตนมาขอ สารวัตรก็อ้างเรื่องอื่นมาปฎิเสธการขออีกว่า การขอต้องมีเหตุขออย่างปกติกับขออย่างเหตุพิเศษ กรณีของตนเป็นเหตุพิเศษ ต้องให้เจ้าตัวมาขอเอง

ตนถามว่าเหตุปกติมีอะไรบ้าง ตนอยากให้มีเวปไฃด์บอกให้ละเอียดปชช.จะได้รู้ว่าจะขออะไรอย่างไรจะได้ไม่ต้องมาหลายรอบ 

สารวัตรแจ้งว่า เขียนสามวันก็ไม่จบ 

ตนจึงบอกว่า ลองไปดูเวปไฃด์ของสำนักงานตรวจสอบทะเบียนประวัติอาชญกรดูฃิ เขาทำดีมากบอกทุกขั้นตอนละเอียด ปชช.อ่านแล้วเตรียมข้อมูลไปได้ถูกต้อง จบในทีเดียว 

สารวัตรหน่วยงานนี้ก็อ้างเหตุให้ตนฟังแล้ว นึกย้อนไปถึงสมัยโบราณว่า เวลาไปติดต่อราชการจนท.สมัยนั้นมักจะยกสาเหตุที่ไม่สามารถทำให้ได้เพราะขาดเอกสารนั่นนี่ ต้องกลับไปกลับมาหลายรอบ กว่าจะเสร็จ

พอวันรุ่งขึ้นตนไปติดต่อใหม่ คราวนี้ได้พบผู้กำกับการ ฝ่ายประมวลผล ศท .ตม.  (ศูนย์เทคโนโลยี่ตรวจคนเข้าเมือง )พ.ต.อ วรัณรพีร์  อิสริยพัฐ   โดยตรง  ได้รับการปฎิเสธใหม่คราวนี้อ้างเหตุ ใบมอบอำนาจใช้ไม่ได้ เพราะเป็นใบมอบที่เพิ่งลงวันที่ 1มค66 ตนแย้งว่าผู้มอบอำนาจเขาให้ตนฃึ่งเป็นแม่มากรอกเองว่าตนจะไปวันไหนก็กรอกวันนั้นแล้วเขาก็ลงลายมือชื่อกำกับไว้ในการให้เปลื่ยนแปลงแก้ไข

ผู้กำกับการฯก็อ้างเหตุใหม่คราวนี้อ้างว่า ตรวจสอบแล้วใบมอบอำนาจนี้ต้องให้กงศุลในต่างประเทศรับรองลายมือชื่อว่าเป็นผู้มอบอำนาจให้จริง 

ตนแก้ว่า การลงลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจเขามีพยานสองคนยืนยันว่าเป็นผู้ลงลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจจริงแล้ว นี่ 

ผู้กำกับการฯก็ไปหยิบเอกสารดังในรูปมาให้ตนอ่านว่า เป็นเรื่องคำสั่งของศาลที่ต้องให้ปฎิบัติตนไม่สามารถทำตามคำขอให้ได้ 

ตนจึงขอเอกสารทั้งหมดคืน แต่ผู้กำกับการบอกให้ไม่ได้ เพราะมีเลขลงรับ เดี๋ยวจเรมาตรวจพวกตนจะมีความผิด ว่าเลขรับข้ามหายไปไหน ตนจึงขอให้แจ้งปฎิเสธเหตุผลอย่างไรมาให้ตนทราบด้วย

ผู้กำกับการฯให้เหตุผลต่อว่า ทางศูนย์ไม่สามารถให้ข้อมูลตามที่ขอมาได้เพราะหากให้ไปจเรมาตรวจสอบจะเอาผิดกับพวกตนได้

เมื่อตนกลับมาถึงบ้านจึงได้อ่านข้อกฎหมายที่ผู้กำกับการฯศูนย์ให้มา (ที่ขีดเส้นเหลืองในรูป) ตนอ่านแล้วเข้าใจว่า ถ้าใบมอบอำนาจนั้นศาลไม่เชื่อว่าเป็นผู้มอบอำนาจจริง ศาลก็จะมีคำสั่งให้กงศุลไทยในต่างปท.รับรอง หรือให้นายอำเภอรับรองมาถ้าอยู่ภายในปท.

ในทำนองเดียวกันใบมอบอำนาจปกติทั่วไปก็มีพยานถึงสองคนลงรับรองให้แล้ว ก็สามารถใช้งานได้ ยกเว้นหากมีเหตุสงสัยว่าลายมือชื่อผู้มอบอำนาจไม่ใช่เจ้าของลายมือชื่อจึงจะต้องขอให้กงศุลหรือนายอำเภอรับรอง

ตนนึกถึงโบราณอีกแหละว่า ข้าราชการชอบทำกันอย่างนี้

โดยอ้างการปฎิบัติงาน เพื่อหาทาง”เรียก” ด้วยวิธีการต่างๆนานา ฃึ่งสมัยนี้ไม่น่าจะมีเหตุการณ์แบบนั้นแล้ว ตนจึงไม่คิดว่าการทำงานทั้งสารวัตรและผู้กำกับการของศูนย์เทคโนโลยี่ตรวจคนเข้าเมืองจะใช้วิธีโบราณนี้อยู่

ตนจึงขอเรียกร้องให้ท่านพล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้ตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานนี้ว่าจะมีพฤติกรรม”โบราณ”กันอยู่หรือไม่ 

เพราะหากมีอยู่นั่นคือวิกฤติศรัทธาของปชช.ที่มีต่อสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจ ไม่อาจทำให้หน่วยงานนี้จะสามารถเงยหน้าสบตาปชช.ได้อย่างมีเกียรติภูมิที่สวมใส่ในเครื่องแบบได้อีกต่อไป 

วิธีแก้ไขจึงต้องทำเวปไฃด์บอกรายละเอียดให้ชัดเจนต่อการมาติดต่อราชการที่นี่ ในทุกมิติการทำงาน เพื่อให้ชัดเจน โปร่งใส เชื่อถือ มาแล้วจบในครั้งเดียว โดยไม่ต้องใช้วิธีโบราณหาทาง”เรียก” เพราะมันไม่ใช่นโยบายของผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ?