“อย่าแกล้งโง่” สน.วังทองหลางยั้วจัดหลังชาวบ้านร้องทุกข์191 เกี่ยวกับปัญหาจราจรและการตั้งแผงขายอาหารรุกล้ำถนนส่วนรวมในหมู่บ้านทาวน์ อิน ทาวน์ 

เมื่อวานนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านทาวน์ อิน ทาวน์ ลาดพร้าว เขตวังทองหลาง ร้อง191 ว่า มีการตั้งวางแผงกั้นบนถนนห้ามคนอื่นจอดนอกจากบ้านตนเองทั้งที่เป็นถนนส่วนรวมคนในหมู่บ้านมีสิทธิใช้ได้ทุกคน นอกจากนี้ยังมีการตั้งวางแผงขายอาหารถาวรบนถนนปิดกั้นไปหนึ่งเลน สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอยู่อาศัยมานานหลายสิบปี 

โดยสน.วังทองหลางและเขตวังทองหลาง ต่างอ้างว่าเป็นถนนส่วนบุคคลไม่สามารถเข้าไปดำเนินการโดยอ้างว่าต้องให้นิติบุคคลเข้ามาจัดการแต่หมู่บ้านนี้ไม่มีนิติบุคคลเพราะคนที่มาอยู่ดัดแปลงบ้านที่อยู่อาศัยเป็นสำนักงาน ผิดกฎหมายการจัดสรรที่ดินที่เจ้าของขออนุญาตต่อกรมที่ดินไปแล้วทำให้เกิดปัญหาการทุจริตหากินกับพื้นที่ถนนมาอย่างยาวนาน

ทั้งที่ทั้งสองหน่วยงานย่อมรู้ดีว่า หมู่บ้านดังกล่าว แม้ถนนจะเป็นของเอกชนแต่เจ้าของล้มละลายไปแล้ว ถนนนี้เปิดให้มีบุคคลภายนอกวิ่งผ่านเข้าออกโดยเสรีเป็นเวลากว่าสามสิบปี ย่อมกลายเป็นที่สาธารณะไปโดยปริยายแต่สองหน่วยงานนี้ต่างแกล้งโง่หรืออย่างไรจึงพยายามอ้างเหตุว่า “เข้ามาจัดการไม่ได้เพราะเป็นที่เอกชน”ล่าสุดจ่า ชื่อสุรกิจ อนุภาพ รับแจ้งเหตุจาก191 โทรมาโวยใส่ผู้ร้องว่า ให้เข้าใจว่าถนนนี้เป็นของเอกชน ตำรวจเข้ามาดำเนินการไม่ได้

เพราะกลัวถูกฟ้องว่าบุกรุก

แต่เมื่อชาวบ้านย้อนว่าแล้วไม่กลัวชาวบ้านฟ้องละเลยต่อหน้าที่บ้างหรือ จ่าสุรกิจยิ่งโวยวายใส่ 

ตนเห็นว่าคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดพิพากษาในเรื่องนี้(เทียบเคียงจากคดีหมายเลขแดงที่ อ.65/2559)

ว่า มาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 ที่ได้นิยามคำว่า “ที่สาธารณะ” ว่าหมายรวมถึงถนน และให้ความหมายของคำว่า “ถนน” ว่าหมายรวมถึง ถนนส่วนบุคคลซึ่งเจ้าของยินยอมให้ประชาชนใช้เป็นทางสัญจรได้ และกฎหมายดังกล่าวได้ห้ามมิให้ผู้ใดตั้ง วาง หรือกองวัสดุใดๆบนถนน เว้นแต่กระทำในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจรหรือได้รับอนุญาตเป็นหนังสือ(มาตรา 19 และมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.เดียวกัน)

เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อว่าประชาชนที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านนี้และประชาชนทั่วไปต่างก็ได้ใช้ประโยชน์ถนนในการสัญจรไปมาไม่น้อยกว่า 20 ปี จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าประชาชนทั่วไปใช้ถนนซอยดังกล่าวเป็นทางสัญจรไปมาเหมือนถนนสาธารณะสายอื่นๆและมีการใช้ประโยชน์ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 10 ปี ในลักษณะที่เจ้าของที่ดินมิได้ขัดขวางหรือห้ามปราม อันแสดงให้เห็นว่าเจ้าของที่ดิน “ได้ยินยอมให้ประชาชนใช้เป็นทางสัญจรได้โดยปริยาย”

สรุปได้ว่า… แม้จะเป็นที่ดินส่วนบุคคลแต่หากเจ้าของเปิดให้ประชาชนทั่วไปใช้ประโยชน์ในการสัญจรไปมาได้ตลอดเวลามาเป็นเวลายาวนาน โดยมิได้มีลักษณะของการขัดขวาง ห้ามปราม เช่น การทำที่กั้น ย่อมถือเป็น “ถนนและที่สาธารณะ” ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองพ.ศ.2535 ที่พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดูแลมิให้เกิดการกระทำที่เป็นการทำให้เสื่อมการจราจรและเกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ใช้ทางในการสัญจรตามปกติ 

นอกจากนี้หากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ยังอาจต้องถูกดำเนินคดีฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และต้องถูกดำเนินคดีตามมาตรา 39 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 อีกด้วย 

จึงขอเตือนมายังตำรวจและเจ้าหน้าที่เขตวังทองหลาง ต้องปฎิบัติตามอย่าแกล้งโง่ อีกต่อไป มิฉะนั้นอาจโดนชาวบ้านฟ้องหมดอนาคตได้