จากกรณีปัญหาหนี้ของครูทั่วปทติดค้างเงินกู้ธนาคารออมสิน ทำให้ออมสินตัดเงินในบชสกสค.ออกไปจำนวน85ล้านเพื่อนำมาชำระหนี้แทนครูที่ติดค้างในเดือนนั้น ต่อมาปลัดก.ศธโวยวายว่าออมสินมีอำนาจอะไรมาตัดเงินในบชนั้นไป

ข้างฝ่ายนาย ชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ถึงกับต้องวิ่งไปเคลียร์กับก.ศธ และสั่งการคืนเงิน85ล้านบาทกลับเข้าสู่บช.สกสค.

ทั้งที่ศักดิ์และสิทธิ์ของธนาคารออมสินมีอยู่เต็มเปี่ยม เนื่องจากมีการลงนามในสัญjญาระหว่างสกสค.กับธนาคารออมสิน และธนาคารออมสินก็ตัดเงินในบชนี้มาช้านานแล้วเมื่อปรากฎว่าครูไม่ชำระหนี้ในเดือนนั้นๆเป์นวงเงินเท่าไร ออมสินก็จะตัดออกไปเท่านั้น

นาย ชาติชาย จึงกระทำการให้ธนาคารออมสินเสียหาย เนื่องจากนำเงินที่ออมสินควรจะได้รับชำระหนี้ คืนกลับเข้าบช.สกสค.ตามที่ปลัดก.ศธ โวยวายใส่ ทั้งที่ควรจะนำสัญญานั้นมาแสดงให้ปลัดก.ศธ ได้ดู

อันบชนี้ปลัดก.ศธ คงไม่รู้ที่มาที่ไป ว่าเงินบชนี้ไม่ใช่เป็นเงินของสกสค. แต่เป็นเงินของธนาคารออมสินเองที่เป็นฝ่ายจ่ายให้สกสค.เป็นเบี้ยรางวัลในการนำครูมากู้เงินจากธนาคารออมสิน โดยให้ผลตอบแทนเป็นจำนวน1%ของวงเงินที่ครูกู้จากดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บเงิน เพื่อให้สกสค.เก็บเงินนี้ไว้ใช้ช่วยเหลือครูยามครูไม่มีเงินจ่ายหนี้ ธนาคารออมสินก็จะตัดเงินจำนวนหนี้ของครูออกจากบช.สกสค.และเมื่อครูที่ถูกตัดหนี้ออกจากบช.สกสค.นำเงินมาจ่ายหนี้กับธนาคารออมสิน ธนาคารก็จะนำเงินนั้นคืนกลับเข้าบช.สกสค.ทันที โดยมีสัญญาตกลงกันไว้เป็นดังนี้

ครูเมื่อรู้เรื่องนี้ ต่อมาก็เลยไม่ค่อยอยากมีใครจ่าย เพราะได้ใจว่ายังไงสกสค.ยังเป็นที่พึ่งรับผิดชอบให้ จึงปรากฎหนี้ครูค้างจ่ายธนาคารออมสินเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาท

ทำให้ธนาคารแห่งปทไทย ร้อนอกร้อนใจและเห็นความไม่ชอบมาพากล จึงสั่งให้ธนาคารออมสินสำรองหนี้เป็นการด่วน 8000ล้านบาท แต่ธนาคารขอชำระครึ่งก่อนเหลือ4000ล้านบาทและเร่งระดมจะฟ้องครูเพื่อเรียกเงินกลับคืนมา

พลเอก ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ จึงสั่งตรวจสอบการทุจริตในหน่วยงานสกสค.หรือที่เรียกกันว่าสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยมีการตรวจสอบเงินในบช.หนึ่งที่ฝากไว้อยู่ที่ธนาคารธนชาติสาขา เยาวราช ชื่อบช.ว่า “บช.สนับสนุนเงินโครงการช.พ.ค 5 ” โดยที่ผ่านมาบช.นี้ถูกปิดไปแล้วเงินจำนวน2100ล้านบาทหายวับไปกับตา

รมว.ศึกษาธิการประกาศจะฟ้องธนาคารธนชาติว่าให้ปิดบช.เงินของสกสค.ไปได้อย่างไร ทั้งที่เป็นเงินของรัฐ แต่ธนาคารธนชาติคงไม่กังวล เพราะเงินบช.นี้ไม่ใช่เงินของรัฐ เป็นเงินส่วนบุคคลที่ใช้ชื่อบช.เป็นอย่างนั้นอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่าเป็นเงินของสกสค.ทั้งที่ความจริงไม่ใช่

แต่ธนาคารธนชาติรู้ที่มาที่ไปของเงินจำนวนนี้แน่นอน ปัญหาอยู่ที่ว่าธนาคารธนชาติได้แจ้งให้ปปง.ทราบหรือไม่ว่ามีบช.นี้มาเปิดที่สาขานี้ เงินจำนวนมากนี้มาแต่ไหน

ทั้งนี้มีข่าวว่าผู้บริหารธนาคารรับรู้มาโดยตลอดเนื่องจากเป็นเงินที่ฝากมาโดย อดีตผู้บริหารธนาคารออมสินคนหนึ่ง ฃึ่งเคยทำงานมาด้วยกันและรู้จักกันดี เป็นผู้แนะนำมาให้เปิดบช.ลับฉบับนี้และใครเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงิน

เงินจำนวนนี้มาจากที่ใด แน่นอนว่าไม่ใช่เงินของสกสค.หรือเงินของคุรุสภา

การที่รมว.ศธ จะไปฟ้องธนาคารธนชาติจึงต้องระมัดระวังให้ดี

แต่หากใช้อำนาจปปง.ก็อาจจะรู้ว่า ใครคือเจ้าของเงิน เจ้าของบชที่แท้จริง

วีคลี่นิวส์ออนไลน์ตามสำรวจมาว่าเงินจำนวนนี้6.5% สร้างมูลค่ามหาศาลหลายหมื่นล้านบาท ใครเป็นคนจ่าย จ่ายเพื่ออะไร

เร็วๆนี้มีคำตอบ โปรดติดตามตอนต่อไป

คุณ เจี๊ยบ   – ผู้เขียน