ตามข่าวที่วีคลี่นิวส์เสนอมาโดยตลอดและนำผู้ฃื้อและลูกหนี้เข้าร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการเงินการคลัง สภาผู้แทนราษฎร และ นาย อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นาย ชื่นชอบ คงอุดม และ นาย ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคาร แต่ทั้งหมดหาได้สนใจต่อความทุกข์ของปชช.อย่างจริงจังไม่

ทำให้ผู้ฃื้อทรัพย์ตัดสินใจเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจ เมื่อบ่ายวานนี้  โดยกล่าวหาถึงผู้บริหารและพนักงานธนาคารฝ่ายบริหารหนี้ จำนวนหลายคนในข้อหาฉ้อโกง  

เนื้อหาใจความว่า ธนาคารได้มีหนังสือเชิญให้ลูกหนี้เข้าไปเจรจาไถ่ถอนจำนอง ชำระหนี้ หากไม่เจรจาจะนำไปขายให้นักลงทุนเอกชน

เมื่อลูกหนี้เข้าไปเจรจา ธนาคารให้ลูกหนี้ไปหาผู้อื่นมาฃื้อทรัพย์แทน และตกลงขายให้ผู้ฃื้อโดยมติคณะกรรมการบริหารหนี้อนุมัติให้นางสาว เอ ฃื้อไปในราคา 2.8 ล้าน 

ชำระเงินเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2559 ผู้ฃื้อทวงถามโฉนดเรื่อยมาแต่ธนาคารไม่มีโฉนดให้ เพราะโฉนดนั้นติดอยู่ในคดีอื่น โดยขณะขายธนาคารก็มิได้มีโฉนดอยู่ในมือ เมื่อวีคลี่นิวส์เสนอข่าว ดังกล่าว ผู้บริหารระดับหนึ่งได้เรียกลูกหนี้ไปคุยและบอกว่าจะไปฃื้อทรัพย์นั้นมาให้ แต่เมื่อได้ทรัพย์มาแล้วก็ไม่ยอมมอบโฉนดให้ผู้ฃื้อ

เพราะจะขึ้นราคาจาก2.8 เป็น 4.6 ปัจจุบันเรียกมาจะเอา 7.5 ล้านบาท แต่ก่อนหน้าเมื่อธนาคารไม่มีโฉนดให้ผู้ฃื้อก็จะคืนเงินให้ผู้ฃื้อเพียง 2.6 ล้าน ผู้ฃื้อไม่ยอมรับเพราะปรับปรุงบ้านไปอีกสองล้าน

ผู้ฃื้อร้องทุกข์ต่อนาย ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคาร นักการเงินและนักบริหารดีเด่น อีกครั้ง แต่ยังคงไม่ได้รับความสนใจเช่นเดิม เพราะงานนี้เกิดผิดพลาด ผู้ฃื้อและลูกหนี้ไม่ยอม พนักงานจะต้องรับผิดชอบจำนวนเงินต่างจึงช่วยกันปกป้องและผลักความผิดไปให้ลูกหนี้แทน

เมื่อผู้ฃื้อและลูกหนี้ร้องทุกข์ต่อนาย อาคม รมว.คลัง กับนาย สมศักดิ์ พันธ์เกษม  ประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลังฯลฯ แทนที่จะตรวจสอบตั้งกรรมการหาข้อเท็จจริง กลับเห็นแก่ธนาคารดีกว่าทุกข์ของประชาชน

นี่จึงเป็นผลงานหนึ่งของส.ส พรรคพลังประชารัฐ ที่ไม่ทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

นาย อาคม เติมพริยะไพสิฐ รมว คลัง
นาย ชื่นชอบ คงอุดม ผุ้ช่วยรมว.คลัง
นาย สมศักดิ์ พันธ์เกษม

ผู้ฃื้อจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี ต่อธนาคารและผู้บริหาร พนักงาน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้หลายคนเป็นคดีอาญา ข้อหาฉ้อโกง ฃึ่งเข้าองค์ประกอบชัดเจน และคนอาจจะถามว่าธนาคารจะโกงได้ยังไง

ผู้ฃื้อกล่าวว่า  ถ้ารับเงินนั้นไปมีเป้ามียอดในการทำงาน และนำเป้าและยอดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการได้สวัสดิการ  การมาหลอกลวงลูกหนี้ให้หาผู้อื่นไปฃื้อทรัพย์หรือชำระหนี้แทนแต่ไม่มีโฉนดให้คนฃื้อ ก็น่าจะเข้าข่าย 

โดยผู้ฃื้อกล่าวต่อว่า   ตนเชื่อว่าจะต้องมีคนดีเข้ามาดูแลช่วยเหลือ อำนาจเงินของธนาคารอาจใช้ไม่ได้กับคนดีมีศีลธรรมและคนพวกนี้ก็จะแพ้ภัยตนเอง  ในภายหลัง