ชั่วร้ายนโยบายรัฐร่วมมือกยศและสรรพากรบีบบังคับให้นายจ้างหักเงินเดือนลูกหนี้ถือเป็นความไม่ชอบธรรม 

กรณีที่รัฐแก้ไขพรบ.กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาด้วยการให้สรรพากรบีบบังคับนายจ้างหักเงินเดือนลูกหนี้กยศ.นำส่งเฉกเช่นเดียวกับการนำส่งภาษี ก่อให้เกิดความยุ่งยากและลำบากทั้งเสียเวลาเสียเงินนำส่งให้แก่นายจ้างเป็นอย่างมากจนเกิดเสียง”ด่า”ไปทั่วปท

เนื่องจากเป็นเรื่อง”หนี้”ระหว่างหน่วยงานกับบุคคล ฃึ่งกยศ.ถือเป็นหน่วยงานที่มิได้พึงพิงกับงบประมาณรัฐ การแก้พรบ.เพื่อใช้วิธีบีบรัดลูกหนี้เช่นนี้เป็นเรื่องไม่ชอบธรรม

ลูกหนี้กยศ.จึงน่ารวมตัวฟ้องร้องไปยังศาลปกครอง เนื่องจากรัฐออกกฎหมายไม่ชอบแล้วยังเข้าข่ายละเมิดความเป็นส่วนตัวอีกด้วย

ยุคนี้ไม่ใช่ยุคจะมาใช้ม.44 บีบบังคับ ต่อไปหากทำเช่นนี้ได้ธปท.อาจจะขอแก้ก.ม จากที่ธนาคารเอกชนร้องขอให้นายจ้างหักเงินเดือนลูกหนี้ที่กู้ยืมธนาคารบ้างก็ได้

สภาทนายความไม่คิดจะออกหน้าช่วยเหลือปชช.บ้างหรือไร

นอกจากนี้ กยศ. เมื่อคิดจะมาทำหน้าที่โดยไม่อิงงบประมาณรัฐจึงกระทำการเยี่ยงธนาคารเป็นนายทุนรีดเงินจากเด็กที่กู้ยืมด้วยการเรียกเก็บเบี้ยปรับเบี้ยเพิ่ม รวมดอกเบี้ยกันอย่างสาหัส ทั้งที่นโยบายในการก่อตั้งกยศ.ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อค้ากำไร แต่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เด็กได้มีโอกาสเรียนหนังสือ สามารถมีวิชาความรู้ติดตัวเพื่อไปทำงาน ขณะที่รัฐต้องสนับสนุนหางานให้เด็กเรียนจบแล้วได้มีงานทำ จึงจะช่วยให้เด็กสามารถมีเงินเดือนมาชำระคืนหนี้ได้

แต่ผู้บริหารกยศ.สำคัญตนผิดกลายเป็นนายทุนแล้วใช้สังคมรุมประนามเด็กที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ทั้งที่ควรจะช่วยประคับประคองและหรือหางานให้เขาทำ เด็กบางคนบอกว่า ที่ส่งๆเงินทุกเดือนกลายเป็นส่งแต่ดอกกับเบี้ยปรับแล้วเมื่อไรหนี้จะหมด

ผู้บริหารกยศจึงน่าจะพิจารณาตัวเองว่ามีความสามารถในการดูแลกองทุนให้เป็นไปตามนโยบายในการจัดตั้งได้ดีเพียงใด ลำพังจะหาเงินจากเด็กกู้ยืมมาเป็นงบประมาณในการบริหารกิจการนั้น มันก็ไม่ถูกต้องแล้ว

สำคัญคือรัฐบาลเห็นชอบให้กยศขูดรีดเด็กเพื่อหวังเอาเงินไปบริหารกิจการนั้นยิ่งไม่ถูกต้อง เพราะนโยบายนี้ต้องไม่ใช่เป็นนโยบายเพื่อหากำไร แค่นี้คิดกันไม่ออกหรือไร ประชาชนคนหนึ่งตั้งข้อสงสัยว่า นี่ควจะมาจากความคิดของกระทรวงการคลังแน่นอน