ภูภาบุรี เรสซิเดนซ์  เปิดตัว senior co-housing เพื่อนผู้สูงวัยมาอยู่ร่วมกันด้วยสิทธิพิเศษ “ สุขภาพดี พักฟรี 10 ปี ”

                   senior co-housing เป็นการวางแผนเพื่อเข้าสู่วัยเกษียณ ที่ไม่ใช่การไปอยู่บ้านพักคนชราหรือพักอาศัยอยู่คนเดียวพร้อมกับมีผู้ช่วยดูแล แต่เป็นการวางแผนเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรง ในรูปแบบการอยู่ร่วมกันในบ้านหลังใหญ่ มีรูปแบบการจัดการที่เน้นให้ผู้อยู่อาศัยสามารถแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจได้เองในทุกขั้นตอน มีการแบ่งกลุ่มรับผิดชอบหน้าที่ในงานต่างๆ ภายในชุมชน เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมและรู้สึกถึงการเป็นเจ้าของพื้นที่อย่างแท้จริง เน้นทำกิจกรรมทางสังคมร่วมกัน เช่น รับประทานอาหารเย็นร่วมกัน หรือปาร์ตี้สังสรรค์ในวันหยุดสุดสัปดาห์
ข้อดีของการอยู่อาศัยแบบ Co-Housing 

สังคมมีความเข้มแข็ง ช่วยลดความเหงาและความโดดเดี่ยวลงได้

มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง

ลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากไม่จำเป็นต้องซื้อข้าวของเครื่องใช้จำพวก เครื่องอบผ้า เครื่องซักผ้า หรือเครื่องตัดหญ้าเอง

ไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงรักษาคนเดียว

สังคมมีระเบียบแบบแผน ควบคุมได้ง่าย และมีความปลอดภัยสูง

มีพื้นที่ขนาดใหญ่ไว้ใช้สังสรรค์ ประชุมงาน หรือพักผ่อน

ด้วยข้อดีต่างๆ เหล่านี้บวกกับการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การอยู่อาศับแบบ Co-Housing กลายเป็นตัวเลือกของเหล่าวัยเกษียณในปัจจุบัน เพราะความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงามันน่ากลัวเกินไป
Cohousing หรือการแชร์บ้านร่วมกันมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่นั้นสามารถเพลิดเพลินกับความเป็นส่วนตัวและมีพื้นที่ของตนเอง (บ้านหรือห้องพักของตัวเอง) ในขณะที่ก็ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้

สำหรับใครที่มองหาทางที่จะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายและสนุกมากขึ้นในวัยสูงอายุนั้น การอยู่แบบ cohousing เป็นอีกตัวเลือกที่ดีอีกตัวเลือกหนึ่ง ซึ่งเราไปดูข้อดีกันดีว่ามีอะไรบ้าง

1. คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (ทั้งจิตใจและอารมณ์)
บ้านพักคนชราอาจทำให้เกิดความรู้สึกหดหู่ ผู้สูงอายุหลายคนกลัวที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านพักคนชราเพราะเห็นว่าบ้านพักคนชราเป็นเสมือนสถานที่สุดท้ายก่อนที่จะจากโลกนี้ไป การใช้ชีวิตในบ้านพักคนชราอาจนำไปสู่ความรู้สึกเหงาและการแยกตัวจากสังคมซึ่งเป็นสาเหตุหลักของปัญหาสุขภาพในผู้สูงอายุ

2. เป็นชุมชนที่แท้จริง
นี่อาจเป็นข้อดีที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับผู้สูงอายุเพราะพวกเขาสามารถมีเพื่อนที่อาศัยอยู่ใกล้ๆกัน สามารถใช้เวลาและทำกิจกรรมร่วมกัน ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ตามลำพังจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะเกิดความเหงา การมีชุมชนที่แน่นแฟ้นจะช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าว

3. มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
Cohousing หรือการแชร์บ้านร่วมกันแตกต่างจากสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ (assisted living) โดยให้ผู้สูงอายุที่พักอาศัยจะได้ใกล้ชิดกับเพื่อนๆสูงวัยคนอื่นๆในละแวกใกล้เคียงได้ โดย Cohousing นั้นให้ผู้สูงอายุสามารถอยู่ในบ้านหรือ อพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้      ​​​​​​​​​​  

    4. ราคาเหมาะสม
โดยทั่วไป Cohousing หรือการแชร์บ้านร่วมกันมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าบ้านพักคนชราหรือสถานที่ดูแลผู้สูงอายุอยู่แล้ว เนื่องจากผู้สูงอายุสามารถแชร์สิ่งต่าง ๆ กับเพื่อนของตัวเอง แนวคิดเรื่องการใช้ Cohousing ช่วยลดภาระทางการเงินที่ผู้สูงอายุส่วนมากต้องเผชิญด้วย    

                                                                                                                                        5. ความปลอดภัย
การอยู่ร่วมกันนั้นปลอดภัยกว่าอยู่คนเดียว สำหรับผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงในการหกล้มในบ้านและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมาก โดยในชุมชน cohousing เพื่อนบ้านที่คอยพบเราทุกวันนั้นจะสามารถรู้และสังเกตได้หากไม่พบเรา    

                                                                                                      6. เรามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
สำหรับผู้สูงอายุที่ย้ายเข้ามาอยู่ในชุมชน cohousing พวกเขาสามารถพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการดำเนินการและการปรับเปลี่ยนที่สามารถเกิดขึ้นได้ ทุกคนที่อยู่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะพูด

เมื่อพูดถึงข้อเสียของ cohousing นั้น สิ่งเดียวที่อาจเป็นข้อเสียคือผู้สูงอายุคืออาจไม่ได้รับการดูแลในระดับเดียวกันกับสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ (assisted living) แม้ว่าผู้ที่พักอาศัยมักจะสามารถขอความช่วยเหลือสำหรับความต้องการเล็ก ๆจากเพื่อนบ้านได้ แต่เมื่อมีความจำเป็นจะต้องใช้ผู้ดูแลพิเศษก็จำต้องว่าจ้างเป็นกรณีพิเศษ   (ขอบคุณข้อมูลจาก younghappy)                               

ข้อดีของภูภาบุรี เรสซิเดนซ์  กับสิทธิพิเศษของโครงการนี้ คือ ผู้เข้าอยู่อาศัยไม่ต้องจ่ายเงินค่าห้องพัก แต่แลกด้วยการมี “สุขภาพดี พักฟรี 10 ปี ” ด้วยการวางเงินค้ำประกันสิทธิการเข้าอยู่อาศัย หากมาอยู่ครบระยะเวลา10 ปีแล้วมีสุขภาพแข็งแรง ผ่านเกณฑ์การตรวจสุขภาพมาตรฐานโรงพยาบาลแล้ว จะได้รับการคืนเงินค้ำประกันเต็มจำนวน

แต่หากปรากฎก่อนสิ้นระยะเวลา เปลื่ยนใจออกจากโครงการ หรือ สุขภาพไม่ผ่านเกณฑ์  ผู้เข้าอยู่อาศัยก็จะต้องถูกหักเงินค้ำประกันสิทธิตามระยะเวลาที่อยู่อาศัย คือ

 ​​​​​​​​​ระยะเวลา 1-3 ปี หักเงินจำนวน 17% ของเงินค้ำประกันสิทธิอยู่อาศัย​​​​​​ระยะเวลา 4 – 6 ปี หักเงินจำนวน 12% ของเงินค้ำประกันสิทธิอยู่อาศัย​​​​​ระยะเวลา 7 – 9 ปี หักเงินจำนวน 7% ของเงินค้ำประกันสิทธิอยู่อาศัย​​​​​​อยู่ครบ 10 ปี ผ่านเกณฑ์การตรวจสุขภาพ รับเงินค้ำประกันสิทธิอยู่อาศัยคืน 100% ​​          

  โดยระหว่างการอยู่อาศัยนั้น ต้องช่วยกันแชร์ค่าบำรุง ค่าใช้จ่ายส่วนกลาง เดือนละ 9000 บาท ไม่รวมค่า ใช้จ่ายส่วนตัวภายในห้องพัก อาทิ การทำความสะอาด การซักผ้า อาหาร ค่าน้ำ ไฟ ท่องเที่ยว รถรับส่ง ฯลฯ เป็นต้น 

สิทธิพิเศษ“  เพื่อนชวนเพื่อนมาอยู่ด้วยกัน ” มีเพียง 24 ราย เท่านั้น                                                                                   สนใจสอบถามได้ที่ 08-6655-9958 ,  www.phupaburi.com  ,  id line :  phupaburi1