ปชช.ระอาภาพพจน์ทหารเสื่อมต่ำสุดหลังพรรคก้าวไกลแฉใช้งบภาษีปชช.400ล้านสร้างบ้านพักริมแม่น้ำกก เชียงราย เป็นสถานที่พักผ่อน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีที่กองทัพดำเนินการก่อสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนมณฑลทหารบกที่ 37 ติดแม่น้ำกก ที่ จ.เชียงราย ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 423.5 ล้านบาท ว่าการก่อสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนมันเกี่ยวข้องกับภารกิจของกองทัพตรงไหน และต่อให้มองในมุมของการจัดสวัสดิการให้กับทหารก็ต้องถามต่อว่ามีความจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องสร้างสถานพักฟื้นและพักผ่อนที่มีความหรูหราระดับนี้ 

นอกจากค่าก่อสร้างแล้ว รายการดำเนินงานสถานพักฟื้นยังมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ค่าบำรุงรักษา เงินเดือนลูกจ้าง ฯลฯ อีกมาก จากที่ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่ามีการรับสมัครงานเพื่อมาปฏิบัติหน้าที่สถานพักฟื้นและพักผ่อนแห่งนี้ ในเดือน กันยายน2562 ถึง 49 อัตรา โดยระบุในประกาศว่า ในบางอัตรามีเงินเดือนสูงสุดถึง 35,000 บาท

“ประเด็นที่สังคมจะต้องตั้งข้อสังเกตร่วมกันก็คือ ประเทศไทยสามารถใช้งบประมาณ423.5 ล้านบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในทางตรงได้มากกว่านี้หรือไม่ และกองทัพควรจะไปดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจความมั่นคงและการป้องกันประเทศอย่างนี้อีกต่อไปหรือไม่” นายวิโรจน์กล่าว

36-6.jpg

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การที่กองทัพไปปฏิบัติภารกิจอื่นที่ไม่ใช่ภารกิจด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศ สะท้อนว่าปัจจุบันขนาดของกองทัพและทรัพยากรที่กองทัพมีนั้นมีมากไปกว่าภารกิจที่กองทัพต้องทำ กองทัพจึงต้องดิ้นรนไปทำภารกิจอื่นทั้งที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลจะต้องปรับลดงบประมาณให้กับกองทัพและลดขนาดลง ทั้งจำนวนนายพล และการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เพื่อป้องกันมิให้กองทัพนำเอางบประมาณและทรัพยากรของประเทศไปปฏิบัติภารกิจข้ามเส้นที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของกองทัพ สิ่งสำคัญที่ต้องทวงถามต่อจากกรณีนี้อีกประการหนึ่งก็คือ หากจำกันได้ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ที่เพิ่งผ่านมาเร็วๆ นี้เองหลังจากเหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ทางกองทัพบกได้ลงนามข้อตกลงร่วมมือกับกรมธนารักษ์ที่จะโอนกิจการเชิงธุรกิจของกองทัพไปให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดูแล และจัดสรรผลประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เท่าที่ติดตามตรวจสอบพบว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนแห่งนี้ที่ จ.เชียงราย ยังไม่ได้ถูกโอนมาให้อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์และยังพบว่ายังมีอีกหลายกิจการที่ยังไม่ได้ถูกส่งมอบให้กับกรมธนารักษ์ เช่น สวนสนประดิพัทธ์ เป็นต้น จึงเป็นความชอบธรรมของสังคมและประชาชนคนไทยในการทวงถามสัญญาการปฏิรูปกองทัพ ที่ ผบ.ทบ. พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ได้เคยให้คำมั่นในการปฏิรูปกองทัพเอาไว้ โดยหนึ่งในนั้นคือ การทยอยโอนกิจการเชิงธุรกิจให้แก่กรมธนารักษ์ โดยเบื้องต้นมีอยู่ทั้งสิ้น 40 โครงการ ว่าปัจจุบันได้โอนไปแล้วกี่โครงการอะไรบ้าง และจะโอนแล้วเสร็จเมื่อใด และเมื่อไหร่จะส่งมอบในเฟสต่อๆ ไปจนครบ

โฆษกก้าวไกล ตั้งข้อถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควรจะ ต้องตอบคือ  แล้วเหล่าทัพอื่น ทั้งกองทัพเรือและกองทัพอากาศ เมื่อไหร่จะมีการส่งมอบกิจการเชิงพาณิชย์ ที่ได้ครอบครองเอาไว้ให้แก่กรมธนารักษ์ 

ทรัพยากรทุกสิ่งอัน ที่ดินทุกตารางมิลลิเมตร ที่กองทัพครอบครองนั้นไม่ใช่ทรัพย์สินของกองทัพแต่เป็นของประชาชนคนไทยทุกคน ดังนั้น การใช้ทรัพยากรเหล่านั้น สิ่งที่ต้องไตร่ตรองเป็นลำดับแรกคือ การคำนึงถึงผลประโยชน์ทางตรง และความยั่งยืนที่ประชาชนจะได้รับ ไม่ใช่กองทัพแต่อย่างใด

วีคลี่นิวส์ได้สอบถามประชาชนหลายคนทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวว่าภาพพจน์ทหารเสียหายในสายตาปชช.มาก การทุจริตเกิดขึ้นโดยไม่สามารถตรวจสอบได้ ขณะที่งบประมาณนั้นนำไปใช้เพื่อพวกตัวเอง ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของปชช.ที่ได้ยอมจ่ายภาษีจากหยาดเลือดของตัวเองเพื่อให้รัฐนำไปใช้สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ปท.ชาติ แต่การนำภาษีไปใช้เช่นนี้เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง

ในสายตาของตนนั้นถือว่า มีพฤติกรรมที่เลวร้ายที่สุด