มหาดไทยประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติตามข้อสั่งการเชิงนโยบาย ศบค. ผ่านระบบ VCS ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศป้องกันปชช.สับสน
.
วันนี้ (30 เม.ย.63) เวลา 15:30 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมชี้แจงแนวทางปฏิบัติราชการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมี นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุม และเป็นการประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (VCS) ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดในสังกัดกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมประชุม
.
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา กล่าวว่า รัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 (ศบค.) ได้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 63 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงได้ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีกคราวหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พ.ค. 63 และเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 63 นายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 4) ให้บรรดาประกาศหรือคำสั่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อที่ได้ประกาศหรือสั่งไว้ก่อนวันที่ข้อกำหนดนี้ใช้บังคับ ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปเช่นเดิม จนกว่าจะได้มีข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ มีอำนาจในการออกคำสั่ง ประกาศ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสน ดังนั้นในการพิจารณาออกคำสั่ง/ประกาศใด ๆ ให้รอฟังการสั่งการเชิงนโยบายจาก ศบค. และศบค.มท. เพื่อให้เกิดเอกภาพพร้อมกันทั่วประเทศ และมีข้อกฎหมายรองรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติ นอกจากนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง รัฐบาลจึงมีมาตรการผ่อนปรนใน 6 กิจการ/กิจกรรม เพื่อให้ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตและทำมาหากินได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้กับผู้ประกอบการใน 6 กิจกรรม/กิจการ ดังกล่าว
.
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ กล่าวว่า ในขณะนี้ บรรดาคำสั่ง/ประกาศของจังหวัดที่มีผลใช้บังคับถึง 30 เม.ย. 63 ยังคงให้ถือปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงตามข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 4) รวมทั้งในการพิจารณาออกคำสั่งหรือประกาศของจังหวัด ขอให้พิจารณากรอบนโยบายของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเตรียมพร้อมในการดำเนินตามมาตรการตามข้อกำหนดซึ่งจะมีการประกาศออกมาเป็นทางการ โดยให้ยึดมาตรฐานกลางของ ศบค. เป็นหลักในการปฏิบัติให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ
.
จากนั้น ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ได้นำเสนอกรอบแนวทางการปฏิบัติด้านต่าง ๆ ตามนโยบาย ศบค. และผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ได้รายงานสถานการณ์การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่
.
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เน้นย้ำว่า ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เร่งสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนเกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ในทุกช่องทาง เพื่อให้เกิดการความรู้ความเข้าใจและปฏิบัติตนได้ถูกต้อง รวมถึงสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องดำเนินการกำกับ ติดตาม และประเมินการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตามมาตรฐานด้านสาธารณสุข ทั้งนี้ หากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการนี้ การดำเนินชีวิตปกติแบบใหม่ หรือ New Normal จะเกิดขึ้นได้เร็ว โดยทุกคนมีสุขภาพอนามัยดี ปลอดภัย และเศรษฐกิจของประเทศจะเดินต่อไปได้