ต่างด้าวชาติพันธ์เฮมหาดไทยเร่งออกสัญชาติไทยหากอยู่เพียงแค่5ปีรับสิทธิ์พลเมืองไทยและผลประโยชน์ทางกฎหมายไปเลยขณะที่คนไทยงงให้สัญชาติไทยกันง่ายๆโดยไม่ตรวจสอบฐานะการลักลอบเข้าเมืองเป็นสิ่งผิดกฎหมายกันเลยหรือ 

.

     วันนี้20 ก.พ2563 ที่กระทรวงมหาดไทยพลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่าตามที่กระทรวงมหาดไทยได้แจ้งว่ากรณีการขอสัญชาติของผู้สูงอายุไร้สัญชาติอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงแนวทางประกอบการพิจารณาคุณสมบัติของคนต่างด้าวซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่ขอแปลงสัญชาติเป็นไทยกรณีผู้สูงอายุนั้น

.

      พลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดากล่าวว่าบัดนี้กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการปรับปรุงแนวทางประกอบการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาคุณสมบัติของคนต่างด้าวในการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามมาตรา10 แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ. 2508 แล้วเพื่อเป็นการแก้ไขอุปสรรคในการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธ์ุรวมถึงกลุ่มผู้เฒ่าไร้สัญชาติซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่รัฐมีนโยบายแก้ไขปัญหาสถานะและสิทธิโดยได้รับการจัดทำทะเบียนราษฎร์และมีเลขประจำตัวประชาชน13 หลักพร้อมทั้งได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแล้ว 

โดยให้สามารถขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้เช่นเดียวกับคนต่างด้าวอื่นทั่วไปโดยปรับปรุงแนวทางประกอบการใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้แปลงสัญชาติในประเด็นต่างๆได้แก่ 

1.คุณสมบัติเรื่องการมีความประพฤติดีตามมาตรา10 วรรคสอง2.คุณสมบัติเรื่องการมีอาชีพเป็นหลักฐานตามมาตรา10 วรรคสาม3.คุณสมบัติเรื่องการมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรต่อเนื่องจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า5 ปีตามมาตรา10 วรรคสี่และ4.คุณสมบัติเรื่องการมีความรู้ภาษาไทยมาตรา10 วรรคห้า

.

 พลเอกอนุพงษ์เผ่าจินดากล่าวต่อว่าได้กำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องสัญชาติของชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธ์รวมถึงกลุ่มผู้เฒ่าไร้สัญชาติที่มีอายุตั้งแต่60 ปีขึ้นไปให้เร่งดำเนินการอย่างจริงจังและเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสัญชาติให้แก่บุคคลกลุ่มดังกล่าวเพื่อให้ได้รับสิทธิ์ที่พึงมีพึงได้ตามกฎหมายและนโยบายรัฐและห้ามไม่ให้มีการแสวงหาหรือเรียกรับผลประโยชน์หรือสิ่งตอบแทนใดๆจากการดำเนินการโดยเด็ดขาดเพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรแล้วยังทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ขององค์กรและจริยธรรมที่ดีของเจ้าหน้าที่อีกด้วย

สำหรับแนวทางปฎิบัติในการปรับปรุงประกอบการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ขอแปลงสัญชาติในประเด็นต่างๆมีดังนี้

     – คุณสมบัติเรื่องการมีความประพฤติดีตามมาตรา10 (2) ให้ยกเว้นการตรวจสอบพฤติการณ์ทางการเมืองยาเสพติดและพฤติการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติสำหรับผู้ขอแปลงสัญชาติที่มีอายุตั้งแต่60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปโดยให้ใช้การสอบพยานบุคคลที่น่าเชื่อถือจำนวนไม่น้อยกว่า3 คนให้การรับรองแทน 

     – คุณสมบัติเรื่องการมีอาชีพเป็นหลักฐานตามมาตรา10 (3) 1. กรณีผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอายุไม่เกิน60 ปีบริบูรณ์ในวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติ1) ต้องมีหนังสือรับรองการประกอบอาชีพจากหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานหรือที่ว่าการอำเภอ/สำนักงานเขตแล้วแต่กรณี2) ต้องมีหนังสือรับรองเงินเดือนหรือรายได้จากนายจ้างกำนันผู้ใหญ่บ้านหรือบุคคลที่น่าเชื่อถือแล้วแต่กรณีและต้องมีหลักฐานการเสียภาษีมาแล้วเป็นเวลาไม่น้อยกว่า3 ปีติดต่อกันก่อนปีที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติ(กรณีมีรายได้ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี) และ3) ต้องมีรายได้เฉลี่ยเดือนละไม่ต่ำกว่า25,000 บาทโดยอาจนำรายได้ของสามีหรือภรรยามารวมได้หรือเดือนละไม่ต่ำกว่า15,000 บาทสำหรับผู้ขอแปลงสัญชาติที่ได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่หรือใบสําคัญประจําตัวคนต่างด้าวเป็นเวลาตั้งแต่10 ปีขึ้นไปหรือมีคู่สมรสหรือบุตรเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือเรียนจบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจากสถาบันการศึกษาในประเทศไทย

  2. กรณีผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติติพันธ์ที่มีอายุตั้งแต่60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติให้พิจารณาจากอาชีพที่ผู้สูงอายุสามารถทำได้ไม่ว่าจะเป็นการรวมกลุ่มอาชีพหรืออาชีพส่วนบุคคลโดยให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตท้องที่ที่ผู้ขอแปลงสัญชาติมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเป็นผู้ออกหนังสือรับรองการประกอบอาชีพและให้ยกเว้นเรื่องการเสียภาษีและเกณฑ์รายได้

     – คุณสมบัติเรื่องการมีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรต่อเนื่องจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นเวลาไม่น้อยกว่า5 ปีตามมาตรา10 (4) ให้นับระยะเวลาจากวันที่ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย(จากใบสำคัญถิ่นที่อยู่) หรือวันที่ได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแต่ถ้าเอกสารชำรุดสูญหายหรือมีเหตุที่ไม่สามารถแสดงหลักฐานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้นับระยะเวลาจากวันที่นายทะเบียนอำเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่นได้เพิ่มชื่อผู้ขอแปลงสัญชาติในทะเบียนบ้าน

     – คุณสมบัติเรื่องการมีความรู้ภาษาไทยตามมาตรา10 (5) 1. กรณีผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอายุไม่เกิน60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติต้องสามารถพูดและฟังภาษาไทยกลางเข้าใจได้และสามารถร้องเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมีได้โดยต้องผ่านการสัมภาษณ์จากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยหรือคณะทำงานสัมภาษณ์สังเกตพฤติการณ์และทดสอบความรู้ภาษาไทยของจังหวัดและต้องผ่านเกณฑ์การให้คะแนนรวมกันไม่ต่ำกว่า50 คะแนน2. กรณีผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอายุตั้งแต่60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติให้พิจารณาจากการใช้ภาษาไทยในการสื่อสารคือสามารถพูดหรือฟังภาษาไทยกลางหรือภาษาถิ่นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในพื้นที่จังหวัดที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ขอแปลงสัญชาติเข้าใจได้โดยต้องผ่านการสัมภาษณ์จากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยหรือคณะทำงานสัมภาษณ์สังเกตพฤติการณ์และทดสอบความรู้ภาษาไทยของจังหวัดและไม่ต้องใช้เกณฑ์การให้คะแนน

ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังพลเมืองไทยถึงข่าวดังกล่าวต่างแสดงความเห็นว่าในประเทศอื่นเขากวดขันต่างด้าวที่จะขอสัญชาติกันเข้มข้นบางแห่งต้องเป็นนักลงทุนมีเงินไม่ต่ำกว่ายี่สิบล้านเพราะการได้มาฃึ่งสัญชาติหมายความว่าจะได้รับสิทธิเทียบเท่าพลเมืองของเขาทั้งในแง่สวัสดิการและการอยุ่อาศัย 

แต่ทำไมในไทยมหาดไทยออกสัญชาติให้กลุ่มชาติพันธ์ง่ายมากแค่อยู่ห้าปีเท่านั้นโดยไม่ตรวจสอบด้วยว่าเข้ามาอยู่ในไทยด้วยช่องทางที่ถูกต้องหรือไม่ทำให้ทางภาคเหนือมีการอพยพกลุ่มชาติพันธ์มาจากพม่าโดยไม่มีความพร้อมในการรับมือก่อปัญหาให้เกิดขึ้นต่อสังคมมีการค้ายาเสพติดเป็นหลักมีการฟอกเงินและสำคัญคือการบุกรุกป่าเพื่ออยู่อาศัยทำกินอย่างผิดกฎหมายด้วย

พลเมืองไทยรายหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือกล่าวว่าองค์กรสิทธิมนุษย์ชนเป็นตัวตั้งตัวตีที่จะให้ไทยออกสัญชาติไทยกับกลุ่มชาติพันธ์โดยไม่ดูว่าจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและความเป็นอยู่ของคนไทยเจ้าของปท.หรือไม่และหน่วยราชการไทยก็เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หาผลประโยชน์ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำฃึ่งรัฐบาลน่าจะกำหนดว่าบุคคลที่จะได้สัญชาติไทยต้องเป็นผู้ทำประโยชน์เข้าเมืองมาโดยถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่ลอบเข้าเมืองมาอยู่ห้าปีหรือเข้ามาทำงานแบบใช้วีฃ่านทท.หรืออาศัยลูกที่เกิดในไทยอยู่จนครบห้าปีเพื่อไปขอสัญชาติไทยเมื่อได้บัตรประชาชนไทยแล้วพวกนี้ก็จะเดินทางไปได้ทั่วไทยจึงน่าที่จะคัดคุณภาพของคนที่จะเข้ามาอยู่ด้วย