ต้องเอาผิดข้าราชการรัฐเปิดทางบุกป่าจนเตียนโล่งกลายเป็นที่สปก.สบช่องทางเขมือบกินได้ไม่หมดจนปลดเกษียณ
ต้องเอาผิดข้าราชการรัฐเปิดทางบุกป่าจนเตียนโล่งกลายเป็นที่สปก.สบช่องทางเขมือบกินได้ไม่หมดจนปลดเกษียณ
ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าจะไม่หมดสิ้นตราบใดที่เจ้าหน้าที่รัฐยังรู้เห็นเป็นใจหรือละเลยและละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ฃึ่งมีการฟ้องร้องจนข้าราชการเหล่านี้ติดคุกกันมาแล้วแต่ยังไม่กลัวเพราะพื้นที่รัฐมีจำนวนกว้างใหญ่ไพศาลเปิดทางให้มีโอกาสหาเงินได้ไม่หมดจนปลดเกษียณนั้น
พบว่าทำการเป็นรูปแบบดังนี้
พื้นที่ใดเป็นพื้นที่ป่าไม้มีรัฐเป็นเจ้าของ จะมีการร่วมมือกันระหว่างกำนันผู้ใหญ่บ้านชาวบ้านในพื้นที่ทำการลอบเข้าไปแผ้วทางทำลายป่าโค่นต้นไม้ใหญ่จนมีสภาพโล่งเตียน กลายเป็นที่ป่าเสื่อมโทรมให้ได้ก่อน
จากนั้นจะลงมือทางการเกษตรปลูกไม้ยืนต้นแสดงการครอบครองทำกินว่าอยู่มานานโดยมีการสมรู้ร่วมคิดข้าราชการเพิ่มขึ้นมาคือป่าไม้กับข้าราชการมหาดไทย ตั้งแต่อบต. เทศบาลอำเภอขึ้นกับว่าสถานที่นั้นอบต. หรือเทศบาลดูแลโดยอดีตจะออกเป็นใบภบท.5 ภาษีบำรุงท้องที่แสดงสิทธิครอบครองของผู้บุกรุกจำนวนมากโดยอ้างความเป็นคนยากจนไม่มีที่ดินทำกิน (ต่อมาคนยากจนเหล่านี้ก็จะขายที่ดินแล้วไปบุกที่ใหม่ด้วยวิธีเดียวกันไปเรื่อยๆแต่ไม่มีใครรวยเพราะโกงสมบัติชาติ)
ปัจจุบันจากปัญหาบุกป่าอ้างความยากจนยิ่งนานวันคนยากจนยิ่งเพิ่มมากขึ้น เพราะได้เงินฟรีจากการบุกป่านำที่ดินมาขาย
รัฐบาลที่มาจากส.สก็ใช้ที่ดินป่าเหล่านี้หาเสียงกับคนยากจน ด้วยการออกกฎหมายมาช่วยเหลือทำคนบุกป่าจากผิดให้เป็นถูกด้วยการออกพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 เปิดช่องทางให้คนบุกรุกป่ามากขึ้นด้วยกรรมวิธีเดียวกันคือต้องทำให้ที่ดินป่ากลายเป็นที่ดินโล่งเตียนให้ได้การเผาป่าจึงระบาดอย่างหนัก
ช่องทางที่รัฐบาลยุคนั้นทำคือการออกพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 ออกมาเปิดช่องทางบุกป่าเพื่อให้ได้ที่ดินมาครอบครองฟรีๆเพิ่มมากขึ้นและจะเพิ่มไปไม่มีวันหมดสิ้น ป่าจะถูกทำลายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมีการออกประกาศพระราชกฤษฎีกาประกาศที่ป่าเป็นที่สปก. นับล้านๆไร่
ทำให้เมื่อคนทราบต่างมุ่งตรงสู่กำนันผู้ใหญ่บ้านหรือทางภาคเหนือเรียกว่าพ่อหลวงร่วมมือกับข้าราชการรัฐกระทรวงมหาดไทยกระทรวงเกษตรฃื้อขายที่ดินป่าและใช้โปรโมทว่าต่อไปจะเป็นที่ดินสปก.ถูกต้องตามกฎหมายรอแค่เจ้าหน้าที่สปก.เข้ามารังวัดออกเอกสารสิทธิเท่านั้น
ทำให้คนแห่กันฃื้อเข้าครอบครองทำการเกษตรดักรอเจ้าหน้าที่สปก.เข้ารังวัดระหว่างนี้ถ้าสปก.ยังไม่เข้าโอกาสที่จะถูกข้าราชการมหาดไทยไถมีสูงโดยจะอ้างเข้าทำการจับกุมในข้อหาบุกป่าเพื่อให้ต้องพิสูจน์ว่าที่ดินที่ตนครอบครองนั้นอยู่ในเขตพื้นที่สปก.ฃึ่งยากมากเพราะเจ้าหน้าที่สปก.ก็จะร่วมมือไม่ให้แผนที่ขอบเขตของที่ดินสปก. การจ่ายเงินจึงเป็นวิธีง่ายๆให้เรื่องจบสิ้นณวันนั้น
พระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 ก่อให้เกิดการบุกรุกป่าเป็นกฎหมายให้มีการทุจริตเริ่มตั้งแต่คำว่า ผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดินที่อ้างไว้อย่างสวยหรูว่า (1.)ผู้ยากจน
(2) ผู้จบการศึกษาทางเกษตรกรรม
(3) ผู้เป็นบุตรของเกษตรกร
จึงดูเหมือนว่าเป็นกฎหมายเพื่อทำให้คนจนมีที่ดินทำกิน
โดยระบุจำนวนการให้ถือครองทำกินดังนี้
(1) จํานวนที่ดินไม่เกินห้าสิบไร่สําหรับเกษตรกรและบุคคลในครอบครัวเดียวกันซึ่งประกอบเกษตรกรรมอย่างอื่นนอกจากเกษตรกรรมเลี้ยงสัตว์ใหญ่ตาม(2)
(2) จํานวนที่ดินไม่เกินหนึ่งร้อยไร่สําหรับเกษตรกรและบุคคลในครอบครัวเดียวกันซึ่งใช้ประกอบเกษตรกรรมเลี้ยงสัตว์ใหญ่ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกําหนด
(3) จํานวนที่ดินที่คณะกรรมการเห็นสมควรสําหรับสถาบันเกษตรกรทั้งนี้โดยคํานึงถึงประเภทและลักษณะการดําเนินงานของสถาบันเกษตรกรนั้นๆ
สำหรับคุณสมบัติเกษตรกรผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเกษตรกรผู้มีสิทธิยื่นคำร้องขอเข้าทำประโยชน์ในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินจะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทย
(2) บรรลุนิติภาวะหรือเป็นหัวหน้าครอบครัว
(3) มีความประพฤติดีและซื่อสัตย์สุจริต
(4) มีร่างสมบูรณ์ขยันขันแข็งและสามารถประกอบการเกษตรได้
(5) ไม่เป็นคนวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(6) ไม่มีที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมเป็นของตนเองหรือของบุคคลในครอบครัวเดียวกันหรือมีที่ดินเพียงเล็กน้อยแต่ไม่เพียงพอต่อการประกอบเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงชีพ
(7) เป็นผู้ยินยอมปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับและเงื่อนไขที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมและคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดกำหนด
ดังนั้นจึงดูเหมือนรัฐทำเพื่อประชาชนที่เป็นผู้ยากจนที่อยากมีอาชีพทำการเกษตรแต่ปรากฎว่ามีการแอบแฝงเอาที่รัฐมาหากินมาฃื้อขายมาหาประโยชน์ของข้าราชการกระทรวงเกษตรกันอย่างล่ำสันไม่มีวันหมด
นั่นคือ ในมาตรา30 แห่งพรบ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2532 (แก้ไขเพิ่มเติมจากพ.ศ2518) ระบุว่า จากการจัดที่ดินให้แก่บุคคลตาม(1)(2)(3) หมายเหตุผู้เขียนคือยากจน, จบเกษตร, ลูกเกษตร
ให้ส.ป.ก. มีอำนาจจัดที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุคคลใดเช่าเช่าซื้อซื้อหรือเข้าทำประโยชน์เพื่อใช้สาหรับกิจการอื่นที่เป็นการสนับสนุนหรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิรูปที่ดินตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษาได้ทั้งนี้ตามขนาดการถือครองในที่ดินที่คณะกรรมการเห็นสมควรซึ่งต้องไม่เกินห้าสิบไร่ส่วนหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการอนุญาตหรือการให้ผู้ได้รับอนุญาตถือปฏิบัติให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
การจัดที่ดินให้เช่าหรือเช่าซื้อตามมาตรานี้ไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมการเช่าหรือเช่าซื้อและสิทธิการเช่าหรือเช่าซื้อดังกล่าวจะโอนแก่กันได้หรือตกทอดทางมรดกได้เฉพาะตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด”
ดังนั้นจะเห็นว่าการออกกฎหมายข้อนี้มาคือการส่งเสริมให้คนบุกรุกที่ป่ากลายมาเป็นที่สปก.และเปลื่ยนแปลงจากให้ทำการเกษตรมาเป็นกิจการที่เกี่ยวเนื่องเขยิบการใช้พื้นที่ให้นอกเหนือจากการเกษตรอันเป็นวัตถุประสงค์หลักของการออกพรบ.ปฎิรูปที่ดินพ.ศ2518 เพื่อให้เกิดการฃื้อขายที่ดินในทางที่ผิดได้ง่ายขึ้น
เพราะสปก.ใช้คำว่ากิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยรมว.การเกษตรได้ประกาศประเภทกิจการที่เกี่ยวเนื่องคือ
กิจการโรงงานทางการเกษตร ,
กิจการสถานที่จำหน่ายน้ำมัน/ ปั้มหลอด|หยอดเหรียญ
กิจการร้านจำหน่ายของชำแก๊สหุงต้ม
สถานที่ผลิต|จำหน่ายวัสดุก่อสร้าง
สถานที่รับส่งวัสดุภัณฑ์และไปรษณียภัณฑ์
ร้านซอ่มแซมเครื่องยนต์(รถจกัรยานยนต์/อปุกรณ์)และไฟฟ้าใช้ในครัวเรือน
โรงเรียน/สถานรับเลี้ยงเด็ก(เฉพาะกรณีเอกชนขอใช้)
ร้านตัดผม/ทำผม
ร้านตัดเย็บเสื้อผ้า/จำหน่ายเสื้อผ้า| เครื่องนอน
สถานีขนส่ง/รถรับจ้าง
ตลาดสด/ ตลาดนัด
ร้านอาหาร
ร้านจำหน่ายยา/ เวชภัณฑ์
ร้านจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์
กิจการอื่นๆที่เป็นการบริการในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน
กิจการอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของเกษตรกรในด้านเศรษฐกิจและสังคมในเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน
เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งเสริมให้คนบุกรุกที่ป่าเพื่อให้ได้มาฃึ่งที่ดินของสปก. ผิดวัตถุประสงค์ในการออกพรบ.การปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ที่ระบุว่าเพื่อการเกษตรกรรมไม่ใช่เพื่อการอื่น
ดังนั้นการที่รมว.เกษตรแก้ไขนำที่ดินของรัฐมาให้เช่าเช่าฃื้อและต่อมาแก้ไขการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรมาเป็นเพื่อการพาณิชย์ได้ต่อเนื่องอีกจึงเป็นการทำผิดจุดประสงค์มาแต่แรกเริ่มเดิมทีเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงเอาที่ดินของรัฐมาหาประโยชน์ให้แก่นายทุนที่จะขอเช่าเช่าฃื้อที่ดินรัฐ
อันนำไปสู่การทำลายป่ามากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะปัจจุบันมีการนำที่ดินสปก.ไปทำผิดเงื่อนไขที่ต้องเป็นเกษตรเป็นคนจนกลายเป็นนักลงทุนก่อสร้างอาคารที่พักโรงแรมร้านค้าขนาดใหญ่เช่นที่ บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยพะเยาต.แม่กาอ.เมืองพะเยาที่มีการนำพื้นที่ส.ป.ก.หลายร้อยไร่ที่ระบุใช้เพื่อเกษตรกรรมแต่ถูกนำไปสร้างเป็นอาคารหอพักร้านค้าเชิงพาณิชย์
และต่อมามีการอ้างใช้พรบ.ปฎิรูปที่ดินฯมาตรา30 (5) ที่ระบุให้ส.ป.ก.มีอำนาจจัดที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ให้กับบุคคลใดเช่าเช่าซื้อซื้อหรือเข้าทำประโยชน์เพื่อใช้สำหรับกิจการเกี่ยวเนื่อง
ทั้งที่การสร้างอาคารที่พักร้านค้าเหล่านั้นใช่เพื่อกิจการเกี่ยวเนื่องกับการเกษตรหรือ
เช่นเดียวกับการที่สำนักงานปฎิรูปที่ดินต่อไปอาจจะเสนอให้แก้ไขกฎหมายเกี่ยวเนื่องให้ทำการก่อสร้างโรงแรมลงบนที่ดินของสปก.ฃึ่งควรเป็นที่ดินเพื่อการเกษตรได้หรือ
ดังนั้นการใช้แนวทางพะเยาโมเดลโดยอ้างกฎหมายพรบ.ปฎิรูปที่ดินมาตรา30(5) เพื่อให้มีเอกชนมาเช่าเช่าฃื้อเพื่อก่อสร้างอาคารหรือกำหนดกิจการที่เกี่ยวเนื่องเพิ่มเติมขึ้นมาก่อนหน้านี้จึงเป็นการออกกฎหมายที่ขัดกับพรบ.ปฎิรูปที่ดินอย่างชัดเจนเพราะเกษตรกรยากจนที่ไหนจะมีเงินมาก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ได้
การอนุญาตของสปก.จึงฝ่าฝืนพรบ.ปฎิรูปที่ดินฯในเรื่องเกี่ยวกับผู้มีสิทธิได้รับการจัดสิทธิที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมอย่างเห็นได้ชัด
และที่สำคัญผู้ที่ได้รับสิทธิต้องมีสัญชาติไทยฃึ่งควรมีมาแต่กำเนิดไม่ใช่มีมาแต่การแปลงสัญชาติหรือสวมบัตรประชาชนฃื้อขายบัตรประชาชนเป็นต้น
ดังนั้นการที่รมว.การกระทรวงเกษตรหรือเลขาธิการสำนักงานปฎิรูปที่ดินอนุมัติให้เอกชนที่ไม่ใช่เกษตรกรที่ยากจนเช่าเช่าฃื้อที่ดินสปก.ไปใช้ในกิจการที่ไม่เกี่ยวกับการเกษตรจึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามพรบ.ปฎิรูปที่ดิน
และเป็นการนำที่ดินรัฐไปก่อให้เกิดความเสียหายทำให้เกิดการบุกรุกที่ดินฝ่าฝืนพรบ.ปฎิรูปที่ดินเช่นที่เกิดในดอยแม่สลองในปัจจุบันนี้มีการฃื้อขายที่ดินเปลื่ยนมือกันเป็นทอดๆเพราะสปก.ไม่เข้าไปรังวัดหรือรังวัดไม่ได้
เพราะหากรังวัดได้เจ้าของสิทธิจะไม่สามารถเปลื่ยนมือฃื้อขายผลประโยชน์ตรงนี้จะไม่เกิดขึ้นกับข้าราชการที่ดูแลพท.นั้นอีกต่อไป
กรณีเข้ารังวัดไม่ได้เพราะคนครอบครองสิทธิดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ของพรบ.ปฎิรูปที่ดินที่ดินดังกล่าวก็จะกลับไปสู่ที่ดินของกรมป่าไม้ผู้ใดบุกรุกจะถูกดำเนินคดีตามพรบ.ป่าไม้
แต่ขณะนี้สปก.ได้เห็นการบุกรุกบนดอยแม่สลองเป็นร้านค้าโรงแรมมีการก่อสร้างอาคารใหญ่ๆมากมายไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของพรบ.ปฎิรูปที่ดินสปก.เจ้าของพื้นที่กลับนิ่งเฉยปล่อยให้มีการก่อสร้างจนขยายใหญ่โต
อบต.แม่สลองนอกไม่ได้อนุญาตให้ก่อสร้างแต่กลับเก็บเงินอาคารที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องเรียกว่าภาษีโรงเรือนแทนที่จะสั่งหยุดการก่อสร้างกลับปล่อยปละละเลยเพิกเฉยละเว้น
กระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะนายทะเบียนลงนามในใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้กับผู้ไม่ได้รับอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับผู้ประกอบการที่สร้างโรงแรมในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
เหล่านี้เพราะมีการนำที่ดินรัฐมาฃื้อขายเช่าเช่าฃื้อได้จึงก่อให้เกิดการบุกรุกป่าเผาป่าในภาคเหนือเป็นจำนวนมากทั้งที่บุคคลเหล่านั้นล้วนเป็นคนต่างด้าวขาดคุณสมบัติการเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทยที่ไม่มีการกำหนดคัดสรรคุณภาพคนให้เข้ามาอยู่ในประเทศ ไม่มีการกรองคนเข้ามารีบเร่งแต่ออกบัตรประชาชนโดยคนเหล่านั้นไม่สามารถพูดไทยได้รู้หนังสือไทยหรือรู้หน้าที่สิทธิพลเมืองไทยแต่อย่างใด
เพราะข้าราชการรัฐละเลยละเว้นเพิกเฉยต่อหน้าที่นั่นเอง
ใส่ความเห็น