พบอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายออกใบอนุญาตโรงแรมบนที่ป่าดอยแม่สลอง ผ่านอำเภอแม่ฟ้าหลวงดำเนินการจนปัจจุบัน

จากกรณีปัญหาการก่อสร้างโรงแรมและอาคารต่างๆมากมายบนดอยแม่สลองโดยการละเลยละเว้นต่อหน้าที่ของข้าราชการในจังหวัดเชียงรายจนก่อให้เกิดปัญหาต่างๆขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาคนต่างด้าวปัญหาบัตรประชาชนปัญหาการบุกรุกที่ดินและปัญหาการค้ายาเสพติดปัญหาการฟอกเงินจนก่อให้เกิดการหาผลประโยชน์บนที่ดินดอยแม่สลองฃึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกลายสภาพเป็นพื้นที่โล่งเตียนเป็นชุมชนใหม่จากเดิมจนน่าตกใจนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  พื้นที่ดอยแม่สลองเป็นพื้นที่ที่ทหารหน่วย327 กองบัญชาการทหารสูงสุดขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ด้วยเหตุผลความมั่นคงทั้งที่พื้นที่ความมั่นคงต้องอยู่ห่างจากชายแดนไม่ต่ำกว่าสามกิโลเมตร

แต่ปรากฎว่าทหารขอใช้พื้นที่ดอยแม่สลองติดชายแดนพม่าจากกรมป่าไม้ให้กับกลุ่มทหารจีนคณะชาติที่เรียกกันว่ากองพล93” ได้อยู่อาศัยและทำการเกษตรเท่านั้นโดยระบุห้ามฃื้อห้ามขาย  แต่ปรากฎว่ามีการฝ่าฝืนข้อตกลงและเงื่อนไขในการใช้พื้นที่ที่ทหารได้มอบไว้

ทำให้มีการนำที่ดินเหล่านั้นไปฃื้อขายและเปลื่ยนมือจนกลายสภาพผู้ได้รับสิทธินั้นไปเป็นคนต่างด้าวอื่นเข้าครอบครองแทนแทบหมดยุคกองพล93”ไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบย้อนไปสมัยที่ทหารดูแลพื้นที่นี้อยู่พบว่าทหารปล่อยให้มีการใช้พื้นที่ไม่ตรงกับที่อนุญาตโดยไม่ดำเนินการเตือนห้ามปรามแต่กลับสนับสนุนให้ผู้ได้รับสิทธิอยู่อาศัยก่อสร้างอาคารโรงแรมขึ้นมาเป็นจำนวนถึง10 แห่งรวมทั้งอาคารร้านค้าอื่นๆ  ทั้งที่ทราบดีว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติไม่สามารถอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารได้

 

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในฐานะนายทะเบียนธุรกิจโรงแรมออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมให้กับผู้ประกอบการทั้ง10 แห่งนั้นด้วย  ทั้งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรู้ว่าพื้นที่เหล่านั้นเป็นพื้นที่ป่าไม่สามารถออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมให้ได้เนื่องจากเอกสารประกอบคำขอใบอนุญาตเช่นใบอนุญาตก่อสร้างไม่มีและเอกสารสำคัญทางที่ดินเป็นเพียงแค่หนังสือของทหารหน่วย327 ไม่ใช่เป็นเอกสารสิทธิที่ดินที่ผู้ขอเป็นเจ้าของที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมายอาทินส.3 หรือโฉนดที่ดิน  อันเป็นส่วนประกอบสำคัญในการยื่นเรื่องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม

ไม่นับว่าผู้ขอเป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือไม่

ฃึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมัยนั้นกลับออกใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมบนที่ป่าได้อย่างไร

และป่านี้เป็นป่าต้นน้ำลำธารฃึ่งควรเป็นเขตที่ควรสงวนทั้งทหารและข้าราชการจึงไม่ควรอนุญาตจนนำมาสู่การขยายตัวของผู้บุกรุกเข้ามาเป็นจำนวนที่น่าตกใจกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่มีการฃื้อขายในอัตราอาคารห้องละสองถึงสามล้านบาท

บางเจ้าของใหม่บางคนนำอาคารนั้นไปให้เช่าเป็นรายเดือนกอบโกยกันจนร่ำรวยไม่นับในเรื่องของการฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดและความร่ำรวยขึ้นในพริบตา

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า  การขอใช้พื้นที่ของทหารมีมาจนถึงปี2537 ก็ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาประกาศให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่สปก. แต่สปก.ยังไม่สามารถเข้ารังวัดได้เนื่องจากไม่มีกำลังพลเพียงพอประกอบกับทหารยังใช้พื้นที่นี้อยู่โดยอ้างความมั่นคง

จนปรากฎว่าความมั่นคงที่ว่าขยายใหญ่โตมากขึ้นมีโรงแรมขนาดใหญ่เกิดเพิ่มมาอีก20กว่าแห่งรวมเป็น33 มีอาคารร้านค้าฃึ่งเป็นต่างด้าวใหม่เข้ามาสวมสิทธิแทนผู้ได้รับสิทธิเดิมทำให้พลเอกบุญสร้างเนียมประดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดขึ้นมาตรวจสอบเห็นความไม่ชอบจึงดำเนินเรื่องขอคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้โดยเวลาต่อมาในเดือนมีนาคม 2553 พลเอก ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ลงนามส่งคืนพื้นที่ป่าที่ทหารขอใช้ประโยชน์ในราชการทหารให้กับไปสู่กรมป่าไม้

โดยในหลักการคืนพื้นที่ให้กรมป่าไม้ต้องคืนในสภาพพื้นที่เดิมเป็นป่าแต่กลับปรากฎมีอาคารโรงแรมติดตัวมาโดยไม่ถูกต้องด้วยทำให้กรมป่าไม้ส่งต่อไปให้สปก.รับไปเข้าลูกรู้เห็นเป็นใจปล่อยปละละเลยละเว้นให้คนบุกรุกพื้นที่มากขึ้นไปอีกโดยสปก.อ้างว่าไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากไม่มีกฎหมายบังคับให้สปก.ดำเนินการกับผู้บุกรุก

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่าสปก.ยกตัวอย่างว่า  สปก.มีหน้าที่เข้าดำเนินการรังวัดที่ดินเฉพาะผู้ที่ทำการเกษตรและมีที่อยู่อาศัยเพียง1งานจึงจะปักหมุดออกเอกสารสิทธิให้ได้หากเมื่อเข้ารังวัดแล้วพบว่ามีอาคารที่ผิดวัตถุประสงค์ของหลักเกณฑ์การอนุญาต  สปก.จะไม่สามารถเข้ารังวัดเพื่ออนุญาตให้ได้และด้วยไม่มีกฎหมายกำหนดหากพบว่าสปก.เข้ารังวัดไม่ได้แล้วสปก.จะดำเนินการอย่างไรกับผู้ที่อยู่ในที่ดินนั้นเนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับให้สปก.ดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบต่อไปว่าการที่สปก.พูดเช่นนี้เป็นการกล่าวอ้างปฎิเสธความรับผิดชอบของตนเองเนื่องเพราะพรบ.การปฎิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม.2518 มาตรา33 กล่าวว่าเมื่อได้มีพระราชกฤษฎีกากําหนดเขตปฏิรูปที่ดินใช้บังคับในท้องที่ใดแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งให้บรรดาเจ้าของที่ดินที่มีที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินแจ้งจํานวนแปลงที่ดินขนาดของที่ดินแต่ละแปลงที่ตั้งของที่ดินและการทําประโยชน์ในที่ดินที่ตนเป็นเจ้าของทุกแปลงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในเก้าสิบวันตามแบบและวิธีการที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบอีกว่าพื้นที่สปก.รายใดที่ไม่สามารถเข้ารังวัดหรือติดปัญหาเรื่องการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ที่ดินแปลงนั้นยังคงถือเป็นที่ดินป่าสงวนตามพรบ.ป่าไม้ผู้ครอบครองที่ดินอาจมีความผิดในฐานะบุกรุกป่าได้

สำหรับสาเหตุที่สปก.จังหวัดเชียงรายไม่ดำเนินการเข้ารังวัดที่ดินบนดอยแม่สลองบางพื้นที่ได้เนื่องจากมีการดำเนินการผิดวัตถุประสงค์ในการออกเอกสารสิทธิให้ได้และสปก.ไม่สามารถดำเนินการกับผู้ดำเนินการเหล่านั้นทั้งที่ควรจะแจ้งให้กรมป่าไม้ดำเนินการแทนก็ย่อมได้แต่กลับปล่อยให้มีการขยายต่อเติมสร้างใหม่ขึ้นมาอีกจำนวนมากทำให้เกิดการฃื้อขายเปลื่ยนมือสร้างปัญหาขึ้นมาจนที่ดินทุกตารางนิ้วบนดอยแม่สลองกลายเป็นสิ่งมีมูลค่ามากมาย

โดยสปก.แจ้งว่าน่าที่ส่วนกลางจะออกกฎหมายกำหนดให้สปก.จัดการกับผู้บุกรุกนั้นได้อย่างไรขณะที่ผู้สื่อข่าวแย้งว่าแม้ไม่มีกฎหมายดังกล่าวสปก.ก็สามารถที่จะแจ้งให้ป่าไม้หรืออบต.แม่สลองนอกดำเนินการสั่งห้ามปรามจับได้ในฐานะเจ้าของพื้นที่

สปก.จึงอ้างว่าถ้าต้องการให้สปก.ดำเนินการต้องมีการออกกฎหมายบังคับว่าหากสปก.ไม่สามารถเข้ารังวัดเพื่อออกเอกสารสิทธิให้กับผู้ครอบครองสิทธิได้ภายในหกเดือนสปก.ต้องส่งคืนพื้นที่ให้กับกรมป่าไม้และใครบุกรุกที่ของป่าไม้ก็จะถูกดำเนินคดีตามพรบ.ป่าไม้

ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตุว่า เนื่องเพราะการเปลื่ยนแปลงฃื้อขายส่งผลต่อผลประโยชน์จึงอาจทำให้มีการละเลยละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ในฐานะข้าราชการได้หรือไม่ 

แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ

โดยในวันนี้30 .63 สปก.เชียงรายนำโดยนายดำรงค์  ไชยโย  หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย  ได้ขึ้นมาตรวจสอบการบุกรุกสร้างโรงแรมและอาคารต่างๆ

หากตรวจสอบไม่พบการก่อสร้างหรือรายงานตามที่กอ.รมน.และสปก.ได้ตบตารายงานผู้บังคับบัญชาไปก่อนหน้านี้ว่าไม่พบการก่อสร้างนอกเหนือการต่อเติมผู้สื่อข่าวจึงขอส่งรูปเหล่านี้ให้ดูแทน

ผู้สื่อข่าวจะรายงานต่อไป