ดอยแม่สลองระทึกผว.เชียงรายหลายสมัยปล่อยให้บุกป่ากันโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ล่าสุดแผ้วถางทำรีสอร์ทไร่ชาขุดดินโยกย้ายทรัพย์สินของหลวง แจ้งแล้วราชการนิ่งเฉย

จากกรณีข่าวดังของปารีณาบุกรุกที่ดินป่าสงวนและแม้ที่ดินนั้นจะแปรสภาพเป็นที่ดินอยู่ในการดูแลของสปก.แล้วก็ตามแต่ต้องได้รับอนุญาตตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดให้แก่เกษตรกรทำกินเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนดอยแม่สลอง จังหวัดเชียงราย เป็นอีกที่หนึ่งที่มีการบุกรุกป่าจำนวนมากมายมหาศาลโดยมีนายทุนต่างชาติใช้คนไทยเป็นนอมินีออกหน้ารุกล้ำเขตพื้นที่สร้างรีสอร์ทและไร่ชากันโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเนื่องจากข้าราชการ ต่างเพิกเฉยและปล่อยปละละเลยให้กระทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า พื้นที่บนดอยแม่สลองเป็นพท.ป่าสงวน ต้นน้ำ แต่ปรากฎว่ามีการบุกรุกเข้าอยู่อาศัยโดยอ้างเป็นเขตพื้นที่ทหาร ต่อมามีการประกาศเป็นเขตพื้นที่ดูแลของสปก. จึงมีการบุกรุกจับจองพท.กันเป็นจำนวนรายละหลายร้อยไร่

แต่สปก.ยังไม่ได้เข้าทำการรังวัด ทำให้พท.ถูกบุกขยายต่อไปเรื่อยๆ โดยล่าสุดมีนอมีนีคนไทยออกหน้าให้นายทุนไต้หวันเข้ามาปรับพท.มีการขุดย้ายดิน จัดทำเป็นรีสอร์ทขนาดใหญ่ สวยงาม พร้อมปลูกชา

โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ทั้งนี้เพราะผว.ราชการจังหวัดเชียงรายและนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงปล่อยปละละเลยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาช้านาน

แม้จะเห็นว่ามีการก่อสร้างฃึ่งไม่สามารถขออนุญาตก่อสร้างได้ เพราะที่ดินเป็นของสปก.ยังไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ครอบครองก็ตาม แต่ราชการก็มิได้เข้าควบคุมดูแลห้ามปรามแต่อย่างใด

ขณะที่การบุกรุกยังมีอยู่เป็นจำนวนมาก มีการก่อสร้างทำโรงแรมที่พักบนที่ที่ยังไม่ได้รับอนุญาต ถึง 33 แห่ง ส่วนที่ได้รับอนุญาตมีเพียง5 แห่งก็ไม่รู้ว่าได้รับอนุญาตได้อย่างไรเมื่อพท.ดังกล่าวเคยเป็นพท.ป่าสงวน ต่อมาได้มีพระราชกฤษฎีกาประกาศเป็นที่ดินสปก.ฃึ่งไม่มีกฎหมายอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรมได้

แต่ราชการโดยอำเภอแม่ฟ้าหลวง กลับส่งเรื่องให้ผว.ราชการจังหวัดเชียงรายออกใบอนุญาตประกอบโรงแรมให้เฉพาะราย เพียง5 แห่งเท่านั้นโดยเมื่อเร็วๆนี้ได้มีการออกใบอนุญาตเป็นโฮมสเตย์ให้กับนักลงทุนรายหนึ่งฃึ่งสร้างที่พักขนาดใหญ่ระดับหลายสิบห้อง แต่กลับขออนุญาตเพียง5 ห้องขณะที่จำนวนผู้มาพักเต็มแทบทุกห้องที่มี

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เมื่อพท.บนดอยแม่สลองเป็นพท.ของสปก.ทำไมจึงมีโรงแรมขนาดใหญ่มาสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากถึง33แห่ง และสร้างได้อย่างไร ใครเป็นคนอนุญาต และอนุญาตได้อย่างไร เมื่อผิดวัตถุประสงค์ของการใช้พท.สปก. โดยเฉพาะหากพท.นั้นเป็นที่ป่าสงวน แน่นอนว่าเป็นการบุกรุกป่า มีความผิดอยู่แล้ว

ทำไมอำเภอแม่ฟ้าหลวงจึงปล่อยปละละเลย แม้จะมีคนร้องแจ้งไปยังผว.ราชการจังหวัดเชียงรายและนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงแล้วก็ตามแต่เรื่องก็เงียบหายไปไม่มีการมาตรวจสอบดำเนินคดี ยกเว้นรายเดียวที่นายอำเภอแม่ฟ้าหลวงสั่งตรวจสอบและห้ามประกอบธุรกิจโรงแรม คือโรงแรมคุ้มนายพลรีสอร์ทฃึ่งสร้างมานานกว่ายี่สิบปี ขณะที่อีก 32 แห่งสามารถเปิดบริการได้

ทั้งนี้เนื่องจากอำเภอแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า คุ้มนายพลรีสอร์ทมีปัญหาขัดแย้งกับผู้เคยได้รับสิทธิครอบครองอยู่ทำกินแต่ต่อมาได้สละสิทธิการครอบครองไปแล้วแต่กลับมาเรียกร้องขอใช้สิทธิเดิม จึงมีการฟ้องร้องเป็นคดี โดยอ้างว่าผู้ครอบครองปัจจุบันละเมิดสิทธิ

ทำให้ผู้ครอบครองสิทธิเดิมพยายามใช้กฎหมายมาเล่นงานผู้ครอบครอง”คุ้มนายพลรีสอร์ท”ทุกรูปแบบ แม้กระทั่งไปแจ้งนายอำเภอแม่ฟ้าหลวง เรื่อง คุ้มนายพลรีสอร์ท เปิดโรงแรมโดยไม่มีใบอนุญาต

ทำให้มีการดำเนินคดีกับผู้บริหารคุ้มนายพลรีสอร์ท ขณะที่รีสอร์ทอื่นๆฃึ่งไม่มีใบอนุญาตเช่นกันกลับไม่ได้ถูกนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงดำเนินคดี

และสามารถเปิดบริการได้เป็นปกติ

นับเป็นการเลือกปฎิบัติอย่างเห็นได้ชัดต่อการปฎิบัติหน้าที่ของนายอำเภอแม่ฟ้าหลวงด้วยคำว่า “รายอื่นไม่โดนร้อง”

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บนดอยแม่สลองเป็นพท.สปก.ที่จำเป็นยิ่งจะต้องปฎิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายสปก.กำหนดและจนป่านนี้เป็นที่แปลกใจว่าทำไมสปก.จึงไม่มาเดินรังวัดออกโฉนดให้กับผู้ที่มีสิทธิทำกิน

ทั้งที่สปก.ได้รับพท.บนดอยแม่สลองมานานแล้ว หรืออาจเป็นเพราะหากสปก.เข้ารังวัดเมื่อใด การบุกรุกจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไปและผู้ที่บุกรุกก็จะไม่สามารถดำเนินธุรกิจเป็นร้อยไร่พันไร่อย่างทุกวันนี้ได้

โดยเรื่องนี้คาดว่าจะมีการส่งเรื่องไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีให้ช่วยตรวจสอบการทำงานของจังหวัดเชียงรายที่ผู้บริหารปล่อยปละละเลยกันมานานจนพท.ป่าถูกขยายตัวไปมากมายทั้งที่เป็นเขตต้นนำ้ลำธารแท้ๆ