เลขาธิการศาลยุติธรรมตอบอภิปรายส.ส ข้ามไม่ชี้แจง ปิยบุตร ค่าเบี้ยประชุม ครั้งละ10,000 วีคลี่นิวส์ถามนโยบายพิจารณาคดีให้รวดเร็วจะมีความยุติธรรมหรือ

พลันที่สภาผู้แทนราษฎรมีการอภิปรายถึงการใช้งบประมาณของศาลยุติธรรมในปี2561ที่สตง.แสดงความเห็นเป็นเงื่อนไขในงบการเงินที่ส่อผิดปกติ โดยนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ได้หยิบยกค่าใช้จ่ายในการประชุมของศาลยุติธรรมกระโดดพุ่งพรวดในปี2561มีจำนวนถึง196ล้าน พุ่งจากเดิมในปี60ถึง172 ล้านบาท และในปี62ตั้งงบไว้ถึง207ล้านบาท โดยนาย ปิยบุตร ได้เผยตัวเลขค่าเบี้ยประชุมของศาลในชั้นฎีกา เป็นเงินถึง10000บาทต่อคนต่อครั้ง 

แต่นาย สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม ไม่ได้ตอบชัดเจนในเรื่องนี้แต่อย่างใด โดยตอบแต่เพียงว่า ศาลยุติธรรมได้ใช้งบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม

เลขาธิการศาลยุติธรรมยังได้ชี้แจงต่อข้ออภิปรายของส.ส ท่านอื่นในประเด็นการบริหารงานว่าทางศาลยุติธรรมได้รับดอกเบี้ยจากเงินค่าธรรมเนียมศาลเป็นเงินปีที่แล้วประมาณ70ล้านส่งเข้ากระทรวงการคลังและคลังจัดสรรกลับมาให้ตามระเบียบที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ศาลยุติธรรมได้มีการเร่งรัดคดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต้องพิจารณาคดีให้เสร็จภายในหกเดือน ในชั้นศาลฎีกาให้เสร็จภายใน1ปี

นอกจากนี้คำพิพากษาในศาลชั้นต้นต้องขอคัดได้ภายใน7วันหลังอ่านคำพิพากษาแล้ว มิฉะนั้นจะถือว่าผู้พิพากษามีความผิด นอกจากนี้คำพิพากษาชั้นต้นนี้อยู่ที่ไหนก็สามารถขอคัดถ่ายได้ 

เกี่ยวกับเรื่องนี้วีคลี่นิวส์ได้นำเสนออยู่เสมอๆว่าการเร่งรัดคดีให้พิจารณาโดยเร็วเช่นนี้อาจส่งผลให้การพิจารณาขาดความรอบคอบโดยไม่มีการตรวจสอบ หรือการพิจารณาคดีอาจกระทำในลักษณะ”ตีหัวเข้าบ้าน”แล้วใครจะเป็นผู้ตรวจสอบ 

โดยเฉพาะในชั้นศาลฎีกา มีการหยิบมาตรา23แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาใช้ตัดสิน “คดีไม่มีสาระ” ทำให้คดีของปชช.ไม่ได้รับการพิจารณาโดยเฉพาะในข้อกฎหมายฃึ่งจะเป็นประโยชน์ เป็นการวางฐานทางก.ม แต่ศาลฎีกากลับไม่รับพิจารณา

วีคลี่นิวส์ตรวจสอบคดีในศาลจังหวัดเชียงราย คดีหมายเลขดำที่ พ. 67|2562 คดีแดงที่ 559|2562 พบว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค5 รับคดีเมื่อวันที่20ก.พ62 มีคำพิพากษาลงวันที่ 19เมษายน2562 เป็นคดีที่พิจารณาด้วยความรวดเร็วใช้เวลาเพียง สองเดือนเท่านั้น 

ขณะที่ในการพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นคดีนี้ก็ได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษมีรองอธิบดีศาลมานั่งบัลลังค์ เพียงนัดเดียวคดีจบ นัดฟังคำพิพากษา ในเวลาต่อมาทันที 

ปัญหาของคดีนี้คือหลังจากสืบพยานโจทก์ครบจะเข้าสู่การสืบพยานจำเลยแต่เพื่อความรวดเร็วของคดีจึงได้มีการส่งรองอธิบดีภาค5 มานั่งพิจารณาคดีนัดเดียวของฝ่ายจำเลย ศาลก็ได้ตัดพยานและนัดฟังคำพิพากษา 

ความรวดเร็วดังกล่าวจะได้รับการตรวจสอบหรือไม่ว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความยุติธรรม ตามนโยบายของท่านประธานศาลฎีกาที่ให้การพิจารณาในศาลชั้นอุทธรณ์ต้องเสร็ยสิ้นภายในหกเดือน ฃึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนและเห็นชอบ แต่ท่านประธานศาลฎีกามิได้กล่าวไว้ถึงเรื่องระบบการตรวจสอบการทำงานของศาลว่าจะเป็นไปด้วยความยุติธรรมหรือไม่ เมื่อต้องรีบเร่งทำคดีให้เสร็จตามกรอบระยะเวลาดังกล่าว

วีคลี่นิวส์จะได้ติดตามสอบถามมานำเสนอต่อไป 

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร

✅ วันที่ 26 มิ.ย. 62 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และคณะ เข้าร่วมชี้แจงประกอบการพิจารณารายงานผลการตรวจสอบและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุด วันที่ 30 ก.ย. 61 ของสำนักงานศาลยุติธรรม ต่อสภาผู้แทนราษฎร ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 มาตรา 31 ณ หอประชุมใหญ่ บมจ.ทีโอที ซึ่งที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรรับทราบรายงานดังกล่าวของสำนักงานศาลยุติธรรมเรียบร้อยแล้ว

Posted by สื่อศาล on Wednesday, June 26, 2019