ลูกหนี้ข้องใจร้องถามปปช.ทำไมกรมธนารักษ์ลดราคาประเมินที่ดินจาก2500บาทเหลือ 800 บาท หลังธนาคารกรุงเทพยึดทรัพย์ขายทอดตลาดได้ 

ผลจากการประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของกนง.โดยมีธนาคารแห่งปทไทยเป็นผู้ควบคุมดูแลส่งผลให้เกิดการวิจารณ์ของปชช.เป็นอย่างมากว่าทำเพื่อนายทุนหรือเพื่อปชช เพื่อชาติกันแน่นั้น

วานนี้ลูกค้าของธนาคารกรุงเทพร้องปปช.กรณีข้องใจสำนักงานที่ดินปทุมธานีประกาศขายทอดตลาดทรัพย์ที่มีธนาคารกรุงเทพเป็นเจ้าหนี้ด้วยคำถามที่น่าสนใจติดตามว่า ตนฃื้อที่ดินขนาด60ไร่ ย่านคลองหก รังสิต ในราคาตารางวาละ2500 บาท เสียภาษีค่าโอนฃื้อขายเป็นล้านบาท ต่อมาตนนำที่ดินนั้นมาพัฒนาปรับปรุงถมดิน ทำท่อระบายน้ำ เพื่อจัดสรรขายเป็นแปลงๆ แต่ต่อมาเกิดปัญหาระหว่างผู้ร่วมงานทำให้โครงการชะงักสร้างความเสียหาย เกิดขึ้น ธนาคารกรุงเทพเข้ายึดทรัพย์ กรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด

ตนไม่ทราบเรื่องการขายทอดตลาด มารู้ทีหลังพบว่า การประกาศขายทอดตลาดนั้นถูกกรมบังคับคดีตีราคาเพียง 17ล้านบาท ขณะที่ตนฃื้อมา 40ล้านบาท จ่ายภาษีตามจริง ตามราคาที่ฃื้อมา พร้อมถมดินไปอีก 20ล้านบาท แต่ทำไมกรมบังคับคดีมาตีราคาเพียง17ล้านบาทเท่านั้น

ตนจึงได้ไปสอบถามกรมบังคับคดีได้รับแจ้งว่าที่ดินนั้นตีราคาตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์

ตนได้ไปตรวจสอบราคาประเมินจึงทราบว่ากรมธนารักษืประเมินราคาที่ดินแปลงเหล่านี้ไว้ในราคาตารางวาละ800บาทสำหรับที่ดินที่ตนแบ่งแยกออกมาเป็นถนนและตีราคาที่ดินส่วนที่เป็นที่ดินแบ่งขายในราคาตารางวาละ1200บาท ตนจึงแปลกใจมากกว่าตอนตนฃื้อราคาประเมินกรมธนารักษ์อยู่ที่ตารางวาละ2500บาท เวลาผ่านมาเกือบสิบปี ราคาประเมินแทนที่จะสูงขึ้นกลับมีราคาลดลงทั้งที่มีการพัฒนาถมดินทั้งหมด60ไร่แบะวางระบบท่อระบายน้ำสองข้างเรียบร้อยแล้ว 

ตนข้องใจทำหนังสือถึงอธิบดีกรมธนารักษ์ อ้างว่า สาเหตุที่ราคาลดลงเพราะที่ดินรกร้าง มีหญ้าท่วมสูง  ทำให้ตนยิ่งสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือ

จนต่อมาตนได้รู้ว่าธนาคารกรุงเทพได้ว่าจ้างอดีตอธิบดีกรมบังคับคดีคนหนึ่งไปทำงานด้วยและทราบต่อมาว่าธนาคารกรุงเทพฃื้อทรัพย์ของตนไปในราคาเพียง17ล้านบาท ต่ำกว่าราคาที่ตนฃื้อมาในราคา40ล้านบาท โดยตนไม่ได้รับทราบข้อความประกาศขายทอดตลาดนั้นแต่อย่างใด 

และไม่รู้จนกระทั่งวันหนึ่งมีหมายศาลมาติดแจ้งว่าธนาคารฟ้องตนในคดีล้มละลาย และเรียกร้องจะเอาเงินจากตนอีก60ล้านบาท ตนงงมากคิดว่าธนาคารกรุงเทพได้กำไรจากการขายทรัพย์นี้ไปแล้วเป็นจำนวนมากกว่าที่ฃื้อแน่นอนเพราะราคาที่ดินแถวนั้นมีราคาพุ่งสูงขึ้น

แต่ตนกลับถูกขายทรัพย์ไปในราคาถูก และธนาคารฃื้อทรัพย์นั้นไปในราคานั้นแต่เอาไปขายแพงเท่าไรตนยังไม่ทราบ แต่ธนาคารมาฟ้องตนจะเอาเพิ่มอีก60ล้านบาท แต่เรื่องจบไปแล้ว สิ่งที่ตนข้องใจว่าทำไมจึงตั้งราคาประเมินทรัพย์ของตนต่ำกว่าราคารประเมินที่ตนฃื้อมาในคราวแรก ทั้งที่เวลาผ่านไปนานมากราคาที่ดินควรจะมีการประเมินเพิ่มสูงแต่กลับลดลงมามากกว่าครึ่งเป็นไปได้หรือ

ตนจึงอยากให้ปปช.ช่วยตรวจสอบว่าเป็นไปได้อย่างไรที่กรมธนารักษ์กำหนดอัตราราคาประเมินเช่นนี้ได้ และประโยชน์นี้ทำถูกต้องหรือไม่ 

หากพบว่ามีการทำเพื่อประโยชน์แก่ใคร ถือเป็นการกระทำผิดร่วมกันหรือไม่หรือมีการกระทำโดยมิชอบเพื่อให้ใครได้ประโยชน์ น่าที่ปปช.จะตามสืบเพราะทำให้รัฐและตนเสียหายอย่างมาก