ถามว่าเราอยากเป็นทุกข์ไหม

ถ้าไม่อยากได้ ก็ใครอยากจะเป็นเล่า ต้องโอปนะยิโก ถามดูซิ ใครเป็นทุกข์

ไม่ใช่ภูเขาเลากาเป็นทุกข์ ไม่ใช่บ้านเมืองเป็นทุกข์ หรือถนนหนทางเป็นทุกข์

ใจเราเป็นผู้ทุกข์
เหตุนั้นจึงได้มาเตือนใจให้เราภาวนา เลือกเฟ้นใจของเรา
ถ้าเราไม่เลือกเฟ้น ใจเราก็ใช้ไม่ได้ ใจเรามีทั้งดีทั้งชั่ว ต้องเลือกเฟ้น

เหมือนอย่างตัวปลาก็มีทั้งคุณทั้งโทษ ผู้มีปัญญาก็เลือกเอาแต่เนื้อ มันก็สบาย ผู้ไม่มีปัญญาก็กินเอาก้างเข้าไปขวางคอตาย

จิตใจของเรามีทั้งเปรต สัตว์นรก หูหนวกตาบอด ใบ้บ้าเสียจริต มีหมด
หูดีตาดี สวยงามก็มี ใจพระมหากษัตริย์ เศรษฐี เสนาบดีมีหมด เทวบุตรเทวดา พระอินทร์พระพรหมมีหมด ให้เลือกเอา
ถามว่าจะรู้ได้อย่างไร ใจเทวบุตรเทวดา พระอินทร์ พระพรหม ได้แก่ พุทโธ พุทโธ ใจเราเบิกบาน ใจเราสว่าง ใจเราไสว ก็นำไปทางนี้

ทีนี้พวกดำ ใจเราเศร้าหมอง จิตไม่ผ่องใส จิตมืดจิตมัว วุ่นวายเดือดร้อน

จิตทุกข์ขึ้นมาย่อมไปทุคติ
จิตสุขสบายนำไปสู่สุคติ

นี่แหละเป็นข้อปฏิบัติ เราได้ยินได้ฟังแล้วตามศาสนาคำสั่งสอน
ท่านบอกไว้ในธรรมคุณว่า เอหิปัสสิโก พึงเรียกร้องสัตว์ทั้งหลายให้เข้ามาดูธรรม

ดูธรรมอะไรเล่า กุศลธรรม และ อกุศลธรรม

กุศลธรรม จิตเราดี จิตเราฉลาด จิตเรามีความสุขความสบาย
เราทำการทำงานทุกชิ้นทุกอย่าง เราก็ต้องการความสุขสบาย นี่แหละกุศลธรรม

อกุศลธรรมเป็นอย่างไรเล่า คือจิตเราไม่ดี ทุกข์ยากวุ่นวาย เดือดร้อน
นี่อกุศลธรรม ให้พากันรู้จัก

ท่านเรียกร้องสัตว์มาดูธรรมอันนี้
ลองเรียกหาความทุกข์จากดินฟ้าอากาศดูซิ ไม่มี นอกจากใจมีทุกข์แล้ว
สุขก็ใจเรา จะมีสุขดีนอกจากใจเราแล้ว ที่อื่นไม่มี
ชั่วนอกจากใจเราชั่วแล้ว ที่อื่นก็ไม่มี

พูดง่าย ๆ เราทั้งหลายพากันรู้จักข้อปฏิบัติ ถ้าจิตเราไม่ดีแล้ว ก็พาไม่ดีไปหมด
จิตเราดีแล้วก็ดีไปหมด

จากหนังสือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร โครงการหนังสือบูรพาจารย์ เล่มที่ ๑๑ หน้าที่ ๖๔๙

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
๖๑.๐๖.๑๕