ทุกวันนี่เราพากันกราบไหว้พระพุทธเจ้า เราไม่ได้กราบไว้อิฐ เราไม่ได้กราบไหว้ปูน เราไม่ได้กราบไหว้ทองเหลือง เราไม่ได้กราบไหว้ทองแดง เราไม่ได้กราบไหว้ปูนซีเมนต์ แต่ว่าเรากราบไหว้คุณธรรม

ท่านทั้งหลาย คุณธรรมนี้เองที่จะทำให้ตัวของบุคคลมีคุณค่าประมาณมิได้

คุณธรรมนั้น คุณธรรมที่ ๑ ก็คือคุณธรรมที่มีศีล
คุณธรรมที่ ๒ ก็คือคุณธรรมที่มีสมาธิ
คุณธรรมที่ ๓ ก็คือคุณธรรมที่มีปัญญา

ศีลก็คือความดีไม่มีความชั่ว
สมาธิก็คือการทำจิตใจของตนให้สงบ
ปัญญาก็คือความรอบรู้ ว่าอันนี้คือนรก นี้คือสวรรค์ นี้คือทางถูกและอันนี้คือทางผิด อันนี้คือปัญญา
สิ่งเหล่านี้เรียกว่าคุณธรรม

ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะเป็นหญิงจะเป็นชายหรือว่าจะเป็นคนที่ชั้นต่ำ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นกลาง ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนชั้นสูง ถ้าหากว่าไม่มีคุณธรรมแล้ว มันก็สู้คนมีคุณธรรมไม่ได้

ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมียศฐาบรรดาศักดิ์สูง แต่ว่าขาดคุณธรรมไปซะแล้ว ศีลก็ขาดไป สมาธิก็ขาดไป ปัญญาก็ขาดไป แม้ว่าเป็นคนอยู่สูงเพียงไร ก็สู้คนอยู่ต่ำไม่ได้

ชาวไร่ ชาวนา แต่เค้ามีคุณธรรม เมื่อเค้ามีคุณธรรม ก็จะต้องย่อมดีกว่าบุคคลผู้ที่สูงศักดิ์ แต่ว่าไม่มีคุณธรรม
เพราะว่าคนที่สูงศักดิ์นั้น ยศฐาบันดาศักดิ์ก็ดี สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมาทั้งนั้น
เพราะคนบัญญัติขึ้นมาว่า อันนี้เป็นขั้นตรี อันนี้เป็นชั้นโท อันนี้เป็นชั้นเอก อันนี้เป็นชั้นสูงสุด
เค้าเรียกว่าเป็นสิ่งที่สมมุติขึ้น แต่ว่าสิ่งสมมุติเหล่านี้ ไม่ได้นำไปสู่คุณธรรมที่สูง หรือไปสู่นิพพานได้ ก็เป็นเครื่องประดับโลกไปเท่านั้น

แต่ว่าถ้าผู้ที่มียศฐาบันดาศักดิ์หรือคนที่อยู่ในชั้นสูงแต่ว่าเขาเหล่านั้นมีคุณธรรม เขาก็จะเป็นคนที่มีความประเสริฐไปในตัว ตัวของเขาก็ได้รับการพัฒนา

เพราะว่าการพัฒนาที่จะเกิดประสิทธิภาพให้เกิดมีคุณธรรมนั้น คงจะขาดการทำสมาธิไม่ได้ จำเป็นอยู่ที่เขาผู้นั้นจะต้องมีสมาธิ
ถ้าเขาไม่ได้ทำสมาธิ พูดเปล่า ๆ เรารู้แล้วว่าเค้าไม่ได้มีคุณธรรมเท่าไหร่
แต่ถ้าเค้าทำสมาธิแล้วเป็นผู้ที่น่าเกรงขาม
ถ้าเขาทำสมาธิแล้วก็น่าที่จะเคารพ กราบไหว้
ถ้าเค้าทำสมาธิแล้ว เราก็จะแน่ใจยอมรับนับถือว่าบุคคลผู้นั้นเป็นผู้ที่มีคุณธรรม

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๕ หน้าที่ ๕๖
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๕.๒๙