ถ้าหากว่าเรายังไม่เข้าใจในเรื่องของการทำสมาธิ เรายังไม่รู้เรื่อง พยายามศึกษา สถานที่ฝึกสมาธิมีอยู่มากแล้วในประเทศไทย
แม้กระทั่งวัดธรรมมงคลที่ได้ตั้งสถาบันพลังจิตตานุภาพขึ้น ก็เป็นที่รองรับสำหรับทุก ๆ คนที่ต้องการทำสมาธิให้ได้มีดวงตามองเห็นหนทาง

แต่ก่อนนั้นมองไม่เห็นหนทางว่าการทำสมาธินี่จะเอายังไงกันแน่ จะไปในทางไหน จะไปในทิศทางใด เรายังไม่รู้

แต่พอเวลามาศึกษาในเรื่องของสมาธิเข้า หูตาก็สว่างขึ้นว่าเราจะต้องทำอย่างนี้ เราจะต้องเดินไปอย่างนี้ ซึ่งก็ไม่ยาก เป็นสิ่งที่ง่ายมาก

แต่ว่าสิ่งที่ง่ายก็จำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์ ต้องมีผู้ที่เขาแนะนำสั่งสอนเรา

ผู้ที่แนะนำสั่งสอนเรานั้นจะเป็นใครก็ได้ เป็นฆราวาสก็ได้ เป็นพระก็ได้ซึ่งมีความรู้

เพราะว่าความรู้นั้นอยู่ที่ใจของผู้ได้ปฏิบัติมาแล้ว จะเป็นฆราวาสก็เป็นผู้ที่มีความรู้ จะเป็นพระสงฆ์ก็เป็นผู้ที่มีความรู้
ความรู้เหล่านี้เป็นส่วนกลาง เมื่อใครมี ใครก็นำเอาไปแบ่งกัน ก็หมายความว่าเมื่อเราศึกษามาแล้ว เราได้รู้แล้วเราก็แบ่งปันให้แก่บุคคลผู้อื่น

การแบ่งปันธรรมะถือว่าเป็นการสร้างบุญที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ธรรมดา

เพราะว่าการที่แบ่งปันธรรมะให้แก่บุคคลผู้อื่นได้แม้แต่คำหนึ่งสองคำเท่านั้น พระพุทธเจ้ายังตรัสว่ามีอานิสงส์เป็นโกฏิ

เพราะว่าคำสองคำนี่บอกว่านี่เคยทำสมาธิหรือยัง ยังมาทำสมาธิสิ
เขาก็จะถามว่ามาทำอย่างไร อ้าวก็ทำอย่างนี้ มานั่งสมาธิ ขัดสมาส ขาเบื้องขวาทับขาเบื้องซ้าย มือเบื้องขวาทับมือเบื้องซ้าย วางไว้บนตัก หลับตา นึกพุทโธ ก็เท่านั้น
เราพูดเท่านี้แต่คนเขาก็ทำตามเราก็ถือว่าเป็นอานิสงส์เป็นโกฏิ

เพราะฉะนั้นการที่สถาบันพลังจิตตานุภาพได้สร้างหลักสูตรครูสมาธิขึ้นนั้นก็เพื่อประโยชน์อันนี้เอง ให้ได้มีโอกาสที่จะแนะนำสั่งสอน

แม้ว่าสั่งสอนคนเดียวคนหนึ่ง สั่งสอนได้หนึ่งคนก็ยังถือว่าอานิสงส์เป็นโกฏิ
แต่ถ้าหากว่าสั่งสอนได้ตั้งหลายคนยิ่งมีอานิสงส์มากยิ่งขึ้น

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก หน้าที่ ๒๒๕
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๔.๒๑