หากจะพูดกันตามความจริงนี่สมาธิไม่ใช่ศาสนา สมาธิเป็นของคนทั่วไป
คนชาติใด ชนชาติใด หรือว่าจะเป็นไทย จีน แขก ฝรั่ง หรือว่าจะเป็นคนอะไรก็ตามสามารถทำได้ ไม่ว่าศาสนาใดก็สามารถทำได้

เพราะว่าสมาธินั้นกำจัดอารมณ์
ทุกอย่างที่ทำไปเป็นไปตามอารมณ์นั้น แม้กระทั่งศาสนาก็เป็นไปตามอารมณ์ แต่ว่าเป็นอารมณ์ที่ดีเท่านั้น

เพราะฉะนั้นเมื่อทำสมาธิแล้วก็ได้เข้าขั้นสูงแล้ว

ใครเขาก็บอกว่าทำไมสถาบันพลังจิตตานุภาพสร้างแต่สมถะ วิปัสสนาไม่สร้าง
ขณะเดียวกันที่จิตเป็นสมาธินี่ แนวทางมันก็เป็นจุดวิปัสสนาแล้ว
หมายความว่าเข้าต้นทาง

อย่างเราจะไปจันทบุรีเราก็เข้าต้นทางเพื่อไปเมืองชลบุรี มุ่งหน้าต่อไปออกไปเมืองจันทบุรี

ฉันใดก็ฉันนั้นในเมื่อเรามุ่งมั่นสมาธิแล้วนี่ สมาธิก็จะต้องช่วยเราให้ไปสู่จุดหมายปลายทาง
เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นจึงมีสมาธิเบื้องต้น ก็ต้องเบื้องต้น
ถ้าไม่ทำต้นแล้วปลายมันจะมาจากไหน

เพราะฉะนั้นในเบื้องต้นจึงมีความสำคัญ จึงได้สอนเบสิคหรือขั้นพื้นฐานให้แก่ท่านทั้งหลายว่าเรามาทำกันแค่นี้แหละแต่ในที่สุดเราก็ได้ของดี เราก็ได้ความสุข เราก็ได้ความรู้ เราก็ได้ความอิ่มอกปลื้มใจ จากการที่เรามาเรียนเบสิค
เพราะว่าเป็นสิ่งที่รับได้

อย่างวิปัสสนานั้นเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เพราะว่าสูงเกินไป เลยสุดมือที่จะเอื้อม หรือว่าพลังจิตไม่เพียงพอแล้วก็จะไปทำวิปัสสนา

มันก็เหมือนกันกับเราไปรู้จักเงินในกระเป๋าคนอื่น
แต่เงินนั้นน่ะมันเป็นของเราสักสตางค์นึงมั้ย

เช่นเดียวกับเรียนวิปัสสนาแต่ไม่มีขั้นพื้นฐาน ก็ได้วิปัสสนา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้ความพัฒนาต่าง ๆ แต่ในที่สุดมันกลับไม่ได้
เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มันจะต้องมีความพร้อมมูล มีความพร้อม

การทำสมาธินั่นคือการแสดงถึงการที่จะให้เกิดความพร้อม
พร้อมที่จะรับธรรมะชั้นสูงต่อไปได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็เป็นไปเอง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ เล่มแรก หน้าที่ ๓๐
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๓.๑๐