ธวัชชัย ไทยเขียว  เผยเหตุลงสมัครเลขาธิการกกต.

นาย ธวัชชัย ไทยเขียว  รองปลัดกระทรวงยุติธรรม  เผยเหตุการตัดสินใจอีกครั้งของชีวิต ในการลงสมัครเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่า

เมื่อ ๓๐ ปีก่อน ตัดสินใจทิ้งงานภาคเอกชนที่ทำอยู่จากเงินเดือนหลายหมื่นบาทไปบรรจุรับราชการ ซึ่งรับเงินเดือนเพียง ๒,๔๗๕ บาท เพราะอยากเอาความรู้ที่เล่าเรียนไปรับใช้ประชาชน

๒๕๔๐ รู้สึกว่าการทำงานอยู่กระทรวงยุติธรรมไม่สามารถสานฝันตามอุดมการณ์ได้ ขอโอนไปกระทรวงศึกษาธิการ โดยการขายความฝันให้ ผู้บริหารกรมสามัญศึกษาขณะนั้นให้ท่านเห็น และท่านก็รับโอน ทั้งยังให้เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้บริหารการศึกษาระดับสูงด้วย ขณะกำลังรอหนังสือส่งตัวและไปรายงานตัว

ท่านปลัดกระทรวงยุติธรรมขณะนั้น รวมถึงอดีตรัฐมนตรีหลายท่าน ขอร้องให้อยู่ต่อเพราะอยู่ระหว่างการแยกศาลและกระทรวงยุติธรรมออกจากกัน โดยท่านเชื่อว่าผมสามารถช่วยทำงานนี้ได้ ถึงขนาดมีคำสั่งโอนจากการเป็นข้าราชการกรมคุมประพฤติให้มาเป็นข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรมโดยที่ผมไม่ได้ร้องขอ ซึ่งก็ได้ทำงานสำคัญให้กระทรวงยุติธรรมขนาดนั้นได้มากมายและประสบความสำเร็จตามความคาดหวังในขณะนั้น ซึ่งรวมถึง การปฏิรูปกระทรวงยุติธรรมครั้งใหญ่ในปี ๒๕๔๕ จนทำให้กระทรวงยุติธรรมมีโครงสร้างหน้าตารูปร่างดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

วางแผนชีวิตก่อนเกษียณอายุราชการ ๑๕ ปี โดยการเก็บหอมรอบริบเงินออมมนรูปแบบของพันธบัตร ประกันชีวิต และอื่นๆ ทีละเล็กทีละน้อย เมื่อเหลือเวลา ๕ ปีก่อนเกษียณถอนเงินทุกอย่างที่ออม ขายที่แม่ยาย และกู้สหกรณ์กระทรวงฯ เพิ่มเติมไปปลูกบ้านบนที่มรดก เพื่อจะได้มีชีวิตอย่างพอเพียง เรียบง่ายและสงบที่บ้านเกิดหลังปี ๒๕๖๒

มีผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือร้องขอให้ช่วยสมัครคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพราะเห็นว่าผมจะเป็นประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมืองได้ ทั้งที่ใจก็ต้องการพัก และรู้อยู่ก่อนแล้วว่า คณะกรรมการสรรหาฯ กำหนดคุณสมบัติว่า “รองปลัดกระทรวง” ที่เป็นมา ๕ ปี นั้น มิให้นับรวมหรือเทียบเท่าตำแหน่งอธิบดีที่เคยเป็นมา ๔ ปีเต็ม จึงทำให้ผมขาดคุณสมบัติ และแจ้งท่านไปแล้ว โดยให้ไปเสี่ยงดวง และผมก็ถูกปรับตกเพราะขาดคุณสมบัติจริงๆ

แต่การสมัครเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้งครั้งนี้ ยอมรับว่าแม่ยก หางเครื่อง คนจากคนที่เคารพนับถือก็บอกให้ไปสมัคร คิด..คิด..แบบ ๓๖๐ องศา และตัดสินใจสมัครครั้งนี้ไม่ใช้อยากจะเข้ามาเพื่อหางานทำ แต่…ตั้งใจเข้ามาทำงานสำคัญให้กับประชาชนและชาติบ้านเมืองในยุคที่ต้องการผู้บริหารมืออาชีพที่ซื่อสัตย์และสุจริต ซึ่งคิดว่าตนเองพอจะมีสิ่งเหล่านี้อยู่บ้างครับ

ได้หรือไม่ได้..ก็แต่วาสนา เพราะกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นกำเนิด และเป็นตัวกำกับว่าจะให้เป็นผู้รับใช้ประชาชนต่อไปหรือไม่