ปัญญานั้นก็คือสิ่งที่ทำตัวของเราให้เป็นประโยชน์ ทำทรัพย์สินให้เป็นประโยชน์ แล้วก็ทำสิ่งที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์

เป็นประโยชน์นั้นคือเป็นประโยชน์แก่เราเองด้วยและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแนะนำพวกเราไว้เป็นอย่างดีที่สุดแล้ว เราก็ควรที่จะสร้างชีวิตของเรานี้ให้เป็นสิ่งที่มีค่า เราทำสมาธิไปเถอะ ถึงอย่างไรชีวิตของเรามีค่าแน่นอน

อย่าไปคิดว่าชีวิตของเราสิ้นหวัง
อย่าไปคิดว่าชีวิตของเราเหลวไหล
อย่าไปคิดว่าชีวิตของเราบุญน้อย วาสนาน้อย
อย่าไปคิดว่าชีวิตของเรานี่มันเป็นแค่กองขยะ
มันไม่ใช่ ชีวิตของเรานั้นมันเป็นสิ่งที่มีค่าเหลือล้นพ้นประมาณ เรียกว่านับไม่ถ้วน

คนมีเงินหมื่นล้าน แสนล้าน ถ้าหากชีวิตไม่มีแล้วมันก็ไร้ประโยชน์ ไม่มีอะไร ไม่มีประโยชน์อะไร มีประโยชน์ต่อเมื่อมีชีวิตอยู่

เพราะฉะนั้นชีวิตนี้ถ้าหากว่าเรามีธรรมะเป็นเครื่องอยู่ แล้วก็มีความดี มีสมาธิเป็นต้น เป็นเหตุให้เราได้รับความดี ความงามต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว ชีวิตมันจะมีประโยชน์มหาศาลที่สุด

แล้วเราก็จะมีความสุขทั้งปัจจุบันชาตินี้และปรภพเบื้องหน้า
ความสุขนั้นน่ะไม่ใช่อยู่ที่มีเงินมาก ไม่ใช่อยู่ที่มีทรัพย์สิน ไม่ใช่อยู่ที่รูปสวยรวยทรัพย์ ไม่ใช่อยู่ที่ความยากดีมีจนอะไร
ทุกอย่างมันเป็นธรรมชาติอันหนึ่ง

แต่ว่าความสุขนั้นจะเกิดขึ้นมาได้เมื่อเวลาที่เรามีจิตเป็นสมาธิ
เมื่อมีจิตเป็นสมาธิ มีความดี ความงามแล้ว
คนนั้นแหละก็เป็นคนที่รวย เป็นคนที่สวย และเป็นคนที่งาม

ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อาทิกัลยาณัง” งามในเบื้องต้น “มัชเฌกัลยาณัง” งามในท่ามกลาง “ปริโยสานะกัลยาณัง” งามในที่สุด
เขาเรียกว่าเป็นคนงาม

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๗๙
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๒.๒๖