พระพุทธเจ้าตรัสหนทางกลางไว้มรรค ๘
มรรค ๘ ข้อที่ ๘ ก็คือสัมมาสมาธิ

สัมมาสมาธิท่านก็กำหนดเอาฌาน ๔ หมายความถึงปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน มีเท่านี้ ไม่ต้องเกินกว่านี้

ทีนี้พอเกินไปแล้วก็ใช้ไม่ได้เพราะว่าจะต้องสูบกินพลังจิต คือหมายความว่าต้องการความสุขที่เป็นอรูปฌาน อะไรต่าง ๆ เหล่านี้ พลังจิตก็ต้องสูบกินไป ลดไปตามลำดับ
แต่ว่าอย่างไรก็ตามพลังจิตนั้นมีอีกส่วนหนึ่งที่อยู่เป็นการถาวร จะเสื่อมไปไหนไม่ได้ประมาณ ๖๐ % จะสูบกินไม่ได้จะต้องอยู่ในจิตของเรานั้นตลอดไป

เพราะฉะนั้นการทำสมาธิจึงถือว่าเป็นการทำบุญกุศลที่ยอดเยี่ยม

เพราะว่าเวลาที่เราจะตาย คนเรานี่มันมีเวลาที่สำคัญอยู่เวลาหนึ่งที่เราจะต้องหลีกเลี่ยงไม่พ้นก็คือความตาย

ความตายนี้เราหลีกเลี่ยงไม่พ้น ไม่ว่าบุคคลใด ยากดีมีจน อะไรต่าง ๆ นี่ มียศถาบรรดาศักดิ์หรือไม่มีอะไรก็ตาม หนีจากความตายไม่ได้

ความตายจะต้องมาถึงเรา รอเราอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นเมื่อเวลาเราทำจิตของเรานี่ให้เป็นสมาธิ เราก็มีพลังจิตอยู่ที่จิตของเรานี่ พอเวลาที่ถึงคราวจะตายอย่างนี้พลังจิตทั้งหมดก็จะต้องแสดงฤทธิ์ คือให้เรานั้นน่ะมีสติ ให้เรานั้นน่ะมีบุญเกิดขึ้นในขณะนั้น

เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีพลังจิตด้วยการทำสมาธิแล้ว
เมื่อเวลาถึงคราวจะดับชีพทำลายขันธ์พลังจิตอันนี้จะเข้ามาดำเนินการเป็นอัตโนมัติในวินาทีนั้นทันที

เพราะฉะนั้นสมาธิจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐในการที่เราได้พากันมาสร้าง

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๓๗๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๒.๒๒