ท่านทั้งหลายเวลาขึ้นบ้านเราจะไปขึ้นทางหน้าต่างนั้นไม่ได้ เราจะต้องขึ้นทางบันได
เราต้องนับไปตั้งแต่บันไดขั้นแรกจนกระทั่งถึงบันไดขั้นสุดท้ายกว่าจะขึ้นไปถึงบ้านของเราได้
เราจะไปข้ามบันไดก็ไม่ได้ แล้วทุกวันเราก็ต้องเหยียบบันไดเปิดประตูเข้าบ้าน
วันนี้ก็เปิด พรุ่งนี้ก็เปิด เมื่อไรก็เปิด เปิดประตูเข้าบ้าน
เมื่อเปิดประตูเข้าบ้านแล้วเป็นยังไง เราก็นอนหลับสบาย เป็นอย่างนั้น

เหมือนกันกับเราทำสมาธิอย่างนี้
เราทำสมาธิเราก็ต้องเริ่มจากการบริกรรมนึกพุทโธ
เราต้องนึกพุทโธในอันดับแรก เราจะก้าวข้ามไปถึงฌาน ถึงญาณไม่ได้ ต้องไล่ไปเป็นตามลำดับ

เหมือนกันกับเราเข้าบ้านต้องเปิดประตู ต้องขึ้นบันไดขั้นแรกแล้วก็ต้องไปเปิดประตูทุกวัน
เช่นเดียวกันกับการที่เราจะทำสมาธิ ให้จิตเป็นสมาธิ เราก็ต้องเริ่มด้วยคำบริกรรม

เพราะฉะนั้นคำบริกรรมจึงเป็นบรรทัดฐานหนึ่งที่เราจะต้องจดจำเอาไว้ว่า เมื่อเราทำสมาธิเราจะต้องนึกคำบริกรรมให้เที่ยงซะก่อน

เมื่อเรามีความชำนาญ เราทำสมาธิหลายครั้งแล้ว เราก็นึกคำบริกรรมเพียงชั่วแป็บเดียวจิตมันก็เป็นหนึ่ง
พอจิตเป็นหนึ่งแล้วนั่นมันก็จะต้องไต่เต้าไปตามลำดับเข้าถึงการผลิตพลังจิต
พลังจิตจะเป็นกระแสจิต
กระแสจิตเป็นฌาน เป็นญาณ อย่างนี้เป็นต้น

เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเด็กหรือจะเป็นผู้ใหญ่ก็สามารถที่จะบำเพ็ญได้สำเร็จด้วยกัน

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๒ หน้าที่ ๒๖๔
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน

๖๑.๐๑.๒๘