คำว่าบุญนั้นก็คือพลังชนิดหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในใจของเรา และเมื่อเราบริจาคเป็นทรัพย์สินก็กลายไปเป็นพลังบุญ
เมื่อเราพากันรักษาศีลก็กลายไปเป็นพลังบุญ
เมื่อเราทำสมาธิภาวนาก็กลายไปเป็นพลังบุญ

พลังบุญนั้นจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งที่เข้าไปอยู่ในใจของเรา แล้วประสิทธิ์ประสาทให้ตัวของเรานั้นได้สำเร็จผลสมความที่เราตั้งใจ

เพราะฉะนั้นในการที่เราเกิดมาในชาตินี้จึงมีการแตกต่างกัน
บางคนรวย บางคนจน บางคนหาที่อยู่ก็ไม่ได้ บางคนก็หาอาหารไม่ค่อยได้ บางคนก็มีความทุกข์ตลอดเวลา สารพัดที่จะเกิดขึ้น แต่บางคนก็มีความสุข บางคนก็สามารถที่จะทำบุญทานการกุศลได้ มีเงินมีทอง มีข้าวมีของ มีทรัพย์สินสมบัติ สามารถที่จะทำได้ มันก็แตกต่างกันเยอะ

การแตกต่างเหล่านี้พระพุทธเจ้าตรัสว่า “กัมมัง สัตเต วิภะชะติ ยะทิทัง หีนัปปะณีตะตายะ”
กรรมนั่นแหละย่อมจำแนกสัตว์ให้เป็นไปในทางดีและในทางชั่ว

เพราะฉะนั้นพลังบุญที่เราสร้างสมนั้นจึงเป็นสิ่งที่มีความประเสริฐจะดลบันดาลให้เราทำอะไรก็สำเร็จ
มันสำเร็จขึ้นมาแบบน่าอัศจรรย์ บางทีอยู่เฉย ๆ เงินทองก็ไหลมาเทมา บางทีก็ไม่ต้องทำอะไรก็อยู่ในกองเงินกองทองไปตามตามที่บุญวาสนาเกิดขึ้น

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๙๒
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๒๒