การที่จะมีขันติให้ได้เต็มที่นั้นก็ต่อเมื่อมีกระแส
การที่จะมีกระแสจิตได้นั้นก็ต้องมีพลังจิต
การที่จะมีพลังจิตได้นั้นก็ต้องมีสมาธิ
การที่จะมีสมาธิได้นั้นก็ต้องภาวนา
เมื่อบริกรรมพุทโธ พุทโธก็ทำให้จิตเป็นหนึ่ง

เพราะฉะนั้นการทำสมาธิจึงเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถสร้างความอดทน ซึ่งเป็นขุมกำลังอันยิ่งใหญ่แก่มนุษย์ชาติ

เพราะฉะนั้นเราท่านทั้งหลาย ธรรมะทั้งหลายนั้นเป็นของดี เป็นของวิเศษ แต่ถ้าหากว่าเราไม่ปฏิบัติตามธรรมนั้นมันก็ดีวิเศษอยู่ที่ธรรมเท่านั้น ตัวของเราจะดีตามธรรมะไปนั้นย่อมไม่ได้

เพราะฉะนั้นตัวของเราจึงถือว่ามีความสำคัญ และมีความที่ว่าจะต้องสร้างธรรมะเหล่านี้ นอกเหนือจากว่าสังคมจะอยู่เย็นเป็นสุขแล้วตัวเราก็ได้บุญ วาสนา บารมี

บุญ วาสนา บารมีนี้เองที่จะพาให้พวกเรามีการเวียนว่ายตายเกิดไปด้วยความสุขสำราญ

การเวียนว่ายตายเกืดนั้นเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิดไปอีก จะเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นชาติเราทราบไม่ได้ แต่ว่าเราจะต้องเวียนว่ายตายเกิดในเมื่อเรายังมีกิเลสอยู่

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราก็จะต้องตั้งตัวของเราให้อยู่ในศีลธรรม ดุจที่พระองค์ทรงแสดงว่า “ขันติ ธีรัสสะลังกาโร” นักปราชญ์นั้นมีความอดทนเป็นเครื่องประดับ

เมื่อความอดทนมีอยู่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะลงเอยไปด้วยความเรียบร้อย ลงเอยไปด้วยความดี

แม้การทำสมาธิที่เราทำอยู่ในปัจจุบันนี้ก็ยังต้องใช้ความอดทน
แม้มันจะเจ็บปวดเมื่อยเหนื่อยหิวสักเพียงใดเราก็อุตส่าห์ทำไป แล้วเราทำไปแล้วนั้นมันสร้างคุณค่าให้แก่ตัวของเรา

ตัวของเรามีคุณค่าประมาณว่าพันบาทมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหมื่น ทำต่อไปก็เพิ่มขึ้นเป็นแสน ทำต่อไปก็เพิ่มขึ้นเป็นล้าน ทำต่อไปก็เพิ่มขึ้นเป็นโกฏิ นี่คือการพัฒนาตัวของเราให้มีค่า

ถ้าเราได้เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี มีเงินทองมีข้าวของมีมาก แต่ว่าไม่สามารถที่จะสร้างคุณธรรม ปฏิบัติคุณธรรมได้ ร่างกายของเขาก็หาค่ามิได้ มีแต่เงินท่วมหัว แต่ว่าหาคุณค่าของตัวไม่ได้
เมื่อไม่ได้แล้วก็จะมีประโยชน์อะไรกับการที่เกิดมาเป็นคน เกิดมาแล้วก็ต้องไปลงนรก แล้วเกิดมาทำไม เราก็จะต้องคิดอย่างนี้

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๓ หน้าที่ ๕๐
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๑๐.๐๙