กิจสิ่งใดที่เป็นบุญเป็นกุศล รีบทำซะในวันนี้ทีเดียว
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “อัชเชวะ กิจจะมาตัปปัง” กิจสิ่งใดที่เป็นบุญเป็นกุศล รีบทำซะในวันนี้ทีเดียว
“โกชัญญา มรณัง สุเว” ใครเล่าจะรู้จักว่าความตายจะมาถึงเราวันพรุ่งนี้
“นะ หิ โน สังคะรันเตนะ มหาเสเนนะ มัจจุนา” มัจจุคือความตายนี้มันเป็นเสนาอันใหญ่ เรียกว่านายทหารใหญ่ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะสู้กับมันได้
เพราะฉะนั้นร่างกายของเรานี่จึงถือว่าเกิดมาแล้วก็อยู่กันชั่วคราว ได้เวลาก็กลับไป
ไม่ให้พวกเราพากันประมาท พากันรีบมาทำสมาธิซะโดยเร็ว ถ้าใครยังไม่ทำสมาธิก็รีบมาทำสมาธิซะ
เพราะการทำสมาธินั่นแต่ละครั้ง ๆ พระพุทธเจ้าตรัสว่าได้มากกว่าการทำสังฆทาน
เพราะว่าการทำสังฆทาน ๑๐๐ ครั้งไม่เท่ารักษาศีลครั้งหนึ่ง
รักษาศีล ๑๐๐ ครั้งอานิสงส์ไม่เท่าทำสมาธิครั้งหนึ่ง ท่านแสดงไว้อย่างนี้
เพราะฉะนั้นสมาธิจึงมีความสำคัญว่าเมื่อทำลงไปแล้วอานิสงส์ได้มาก
ทำไมถึงอานิสงส์ได้มาก
เพราะว่าเมื่อเวลาทำสมาธิแล้วนี่มันจะมีการผลิตพลังจิต
พลังจิตนี่มันจะเกิดขึ้นได้ในสมาธินี่อย่างเดียว อย่างอื่นนั้นพลังจิตเกิดไม่ได้
พลังจิตนั้นก็มีทางเดียวคือการทำสมาธิ ทำสมาธิให้เกิดขึ้น
เมื่อทำสมาธิให้เกิดขึ้นแล้วสมาธิก็ผลิตพลังจิต
สมาธิผลิตพลังจิตแล้วพลังจิตก็ฝังอยู่ที่จิต
เมื่อฝังที่จิตแล้วก็ไม่หายไปไหน
เมื่อเรามาทำครั้งที่ ๒ ก็บวก ๒ เป็น ๔ ครั้งที่ ๓ ก็บวกไปเรื่อย หมายความว่าพลังจิตนี่จะไม่สูญสลายจากตัวเรา จะติดตนตามตัวเราไปเป็นบุญ เป็นวาสนา เป็นบารมีต่อไป
เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่าการทำสมาธิมีอานิสงส์มาก
การทำสมาธินั้นถ้าหากว่าเราตั้งจิตใจไม่มั่นคงนี่มันก็ไม่สามารถที่จะดำเนินไปให้เป็นผลสำเร็จได้
เพราะว่าการทำสมาธินั้นมันมีมารผจญเยอะ ไม่เหมือนการทำอย่างอื่น
การทำอย่างอื่นมารไม่ค่อยมีผจญเท่าไร แต่การทำสมาธินี่มันจะมีมารมาผจญเยอะ เราก็ต้องสู้กับมาร
มารมันก็คือไอ้ความนึกคิดของเรานั่นแหละ เราคิดว่าเอาไว้แก่ก่อนค่อยมาทำ เอาไว้วันนั้นก่อนค่อยมาทำ เอาไว้วันนี้ก่อนค่อยมาทำ ในที่สุดก็ตายซะก่อนแล้วไม่ได้ทำ ก็เป็นอันว่าเสียโอกาส
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๒๗๔
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิรังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๐๙.๑๔
ใส่ความเห็น