คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเป็นของดีเป็นของวิเศษ นับว่าเป็นแก้วรัตนมงคลของโลก

เพราะเหตุว่าคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นสามารถที่จะชี้ช่องทางให้พวกเราพากันดำเนินชีวิตไปอย่างมีประโยชน์
ถ้าเราไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าเราก็ไม่รู้จักบาปจักบุญไม่รู้จะทำอะไร
เขาเรียกว่าเราก็ไม่แน่ใจที่ว่าเราเกิดมาแล้วเราจะได้อะไร
แต่ว่าเมื่อเราได้ฟังคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเราก็แน่ใจว่าเราได้แล้ว

เมื่อเราได้อย่างนี้ก็จำเป็นที่จะต้องรักษาสิ่งที่เราได้แล้วนี่เก็บเอาไว้
เมื่อเก็บเอาไว้ในสิ่งที่ดีมากขึ้นตัวของเรานี้มันจะกลายเป็นผู้วิเศษ
ผู้วิเศษหมายความว่าเป็นผู้ที่ดีกว่าคนอื่น ๆ
คนอื่น ๆ ที่เขาไม่ได้สะสมความดีนั้นก็เท่ากับว่าเป็นคนธรรมดา
เมื่อเราสะสมความดีขึ้นมาได้มากแล้วก็เรียกว่าเป็นคนพิเศษ

การพิเศษของคนเรานั้นไม่ใช่ว่าพิเศษเฉย ๆ พิเศษนั้นก็จะต้องมีโอกาสที่จะไปสู่สวรรค์และนิพพานได้
การไปสู่สวรรค์และนิพพานนั้นหมายถึงว่าเราได้พัฒนาตัวของเราจากธรรมดามนุษย์ แล้วเราก็ไปเกิดเป็นเทพ
การเป็นเทพนั้นก็ถือว่าเสวยความสุขที่เราได้สร้างบุญกุศลไว้

ในภพของคนเราที่จะต้องเกิดแก่เจ็บตายนี้มีอยู่ ๓ ภพด้วยกัน
ภพแรกเรียกว่า กามภพ
ภพที่ ๒ เรียกว่า รูปภพ
ภพที่ ๓ เรียกว่า อรูปภพ

กามภพที่เราพากันอยู่เวลานี้อายุเพียงร้อยปีก็หมดแล้ว
ส่วนรูปภพเขาเรียกว่ารูปพรหมก็ตั้งแต่ ๕ พันปีขึ้นไปหรือเรียกว่า ๕ หมื่นปีขึ้นไปอย่างนี้เป็นต้น
พอไปถึงอรูปภพก็เรียกว่าเป็นแสนปีไปเลย ความที่ไปอยู่สบาย

แต่ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเมื่อพระองค์บำเพ็ญบารมี ถ้าหากว่าจิตไปเข้าสู่อรูปฌานหรืออรูปภพแล้วพระองค์จะไม่ไป พระองค์ก็จะอยู่แค่รูปภพ
เพราะว่าถ้าไปอยู่ที่อรูปภพแล้วเสียเวลาการบำเพ็ญบารมีมาก มีแต่ความสุขอย่างเดียวแต่ไม่ได้บำเพ็ญบารมี

จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๒๓๙
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)

สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา

๖๐.๐๘.๒๙