“ขันติ ตะโป ตะปัสสิโน” ความอดทนนี่แหละจะแผดเผากองกิเลสได้อย่างไร
ขันตินี่มันมีความสำคัญมาก ถ้าหากว่าเราขาดตัวขันติไปตัวเดียว เราก็ขี้เกียจแล้ว ทำสมาธิก็ยิ่งขี้เกียจใหญ่ ถือว่าเป็นของไม่จำเป็น อย่างนี้ เราก็เลยเกิดความขี้เกียจ
เพราะฉะนั้นความอดทนจึงเรียกว่าเป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ เรียกว่า “ขันติ ธีรัสสะลังกาโร”
“ขันติ ตะโป ตะปัสสิโน” ความอดทนนี่แหละจะแผดเผากองกิเลสได้
เมื่อเราทำสมาธิมากขึ้น เราก็มีพลังจิตมากขึ้น
พลังจิตมากขึ้นก็มีกระแสจิตมากขึ้น
เมื่อมีกระแสจิตมากขึ้นกระแสจิตก็ทำให้เราเกิดความสุข จะนั่งก็มีความสุข จะนอนก็มีความสุข จะไปไหนก็มีความสุข
ตรงกันข้ามถ้าหากว่าเราไม่มีสมาธิมีจิตฟุ้งซ่านเราก็จะมีความทุกข์ อยู่ที่ไหนก็ทุกข์หมด
เพราะว่าบุคคลนั้นไม่ได้สะสมความดี ไม่ได้ทำสมาธิให้เกิดขึ้น
ด้วยเหตุดังกล่าวความอดทนจึงเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสซ้ำแล้วซ้ำอีกให้พวกเรามีความอดทน
“ขันติ หิตะสุขาวะหา” ความอดทนก็นำความสุขมาให้แก่เราอย่างนี้เป็นต้น
เราไม่ต้องไปหาธรรมะที่ไหนหรอก เราหาธรรมะอยู่ในตัวของเรานี่แหละ
เราอยู่ที่บ้านเราก็ทำได้ มาวัดจำศีลบางครั้งบางคราวก็ทำได้
เพราะอะไร เพราะว่าศีลมันอยู่ที่ตัวแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะสมาทานไหมเท่านั้นแหละ
ถ้าไม่สมาทานมันก็อยู่เฉย ๆ มันก็ไม่ได้มีผลอะไร แต่เราสมาทานขึ้นมามันจะมีผลทันที
พอเราสมาทานมันก็เป็นบุญขึ้นมา ก็ตัวของเรานี่แหละไม่ใช่ที่อื่นไกล
ท่านทั้งหลายจงพากันคิดว่า ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นสมบัติติดตนตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ
จากหนังสือ ธรรมะรุ่งอรุณ ๔ หน้าที่ ๑๖๕
พระธรรมมงคลญาณ (พระอาจารย์หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
สวนพนาสนธิ์ ๓/ศูนย์สัมมนาป่าพนาสนธิ์-แบ่งปัน
สุขาปฏิปทาขิปปาภิญญา
๖๐.๐๘.๑๐
ใส่ความเห็น