คำร้องเรียนถึงองค์กรยุติธรรมผู้ปฎิบัติหน้าที่พระโพธิสัตว์หรือสัตว์กันแน่

มีประชาชนจำนวนมากที่ได้รับความไม่เป็นธรรมจากหน่วยงานรัฐ จึงมักจะร้องเรียนข้าราชการหรือหน่วยงานรัฐให้ได้เห็นกันอย่างเนืองๆ แต่การร้องเรียนนั้นมักไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในหน่วยงานด้วยกันเองมีการช่วยเหลือ ปกป้อง ในการสอบสวนและสรุปด้วยถ้อยคำฮิตติดเป็นนิสัยคือ ” เรื่องร้องเรียนไม่มีมูล”

จึงเป็นเรื่องที่น่าฉงนว่า ประชาชนที่กล้าใส่ชื่อเสียงเรียงนามร้องเรียนข้าราชการจะนำเรื่องไม่มีมูลมากล่าวได้เช่นไร โดยเฉพาะกับข้าราชการที่อยู่ในหน่วยงานยุติธรรมทั้งหลาย

คำว่า”ไม่มีมูล ” “ไม่มีเรื่องดังกล่าว” คือคำตอบที่สะท้อนถึงความแหลวแหลกในวงข้าราชการ เป็นความอัปยศอดสู ของหน่วยงานนั้นๆ ที่ไม่สามารถเอาคนทำผิดมาตัดสินได้ เป็นความเสื่อมเสียอย่างยิ่งใหญ่ของระบบข้าราชการไทยที่นับวันมีแต่ความเสื่อมถอย ปล่อยให้ประชาชนต่างขยะแขยงกับคนเหล่านั้น

เหมือนเป็นเชื้อโรคที่ไม่อยากเข้าใกล้ เป็นความเลว ความอุบาทว์ของระบบข้าราชการ เราจึงเห็นปัญหาชายแดนภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

จะแตกต่างจากภาคอื่นอย่างไรถ้าความถูกต้อง ความยุติธรรมเข้าไม่ถึงประชาชน

ในที่สุดแล้วหากไม่มีหน่วยงานกลางเข้ามาบำบัดเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของประชาชน กรณีความรุนแรงทางภาคใต้อาจขยับมาที่ภาคตะวันออก ภาคอีสาน หรือภาคกลาง อาจเป็นได้

ยิ่งกรณีประชาชนถูกกลั่นแกล้งในทางคดีจากข้าราชการสุ่มหัวรวมตัวกันทุกหน่วย เพื่อเอาผิด จึงเป็นความกดดันของประชาชนที่อาจทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตนและบุคคลเหล่านั้นได้ไม่แตกต่างกัน

การกล่าวว่า เรื่องไม่มีมูล จึงเป็นเรื่องที่ช้ำใจของคนร้องเรียน เมื่อกฎหมายเอาผิดไม่ได้ อะไรเล่าจะเอาผิดได้

การรวมตัวของประชาชนที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งหลายจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นพลังบริสุทธิ์บนความทุกข์ยากของประชาชน ที่ข้าราชการลืมสำเนียก ยิ่งโดยเฉพาะข้าราชการที่อยู่ในตำแหน่งผู้ให้ความยุติธรรมแต่ขาดแล้วฃึ่งความยุติธรรมจึงเปรียบเทียบได้กับความโชคดีที่ได้เกิดมาทำหน้าที่พระโพธิสัตว์แต่กลับกลายมาเป็นเพียงแค่สัตว์แทน

โทษทางโลกเอาผิดไม่ได้แต่โทษทางกรรมนั้นตามติดไม่มีเว้นชาตินี้และชาติหน้า

วันนี้ถามตัวเองกันหรือยังว่าปฎิบัติหน้าที่พระโพธิสัตว์หรือปฎิบัติหน้าที่สัตว์กันแน่